หน้าเว็บ

วันอาทิตย์, มีนาคม 31, 2556

สูตรพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง "เพื่อผิวหน้าเนียนนุ่ม"

วันนี้ชวนคุณผู้หญิงให้มีผิวหน้าเนียนนุ่มกันด้วยสูตรพอกหน้าด้วยน้ำผึ้งกันแบบง่าย ๆ เลยค่ะ เพราะว่าขั้นตอนของ สูตรพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง นี้ไม่ยุ่งยากแต่อย่างใดทำง่าย ๆ มาก ๆ แต่ก็มีผิวหน้าที่เนียนนุ่มได้แล้วล่ะจ๊ะ ใครอยากให้ตัวเองมีผิวหน้าเนียนนุ่มก็ลองทำดู ..
น้ำผึ้งนั้นเป็นส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติซึ่งไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใดทานก็ดีต่อร่างกายนำมาทาผิวก็ยิ่งส่งเสริมผิวพรรณให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วยเรียกได้ว่าครบสูตรแบบทูอินวันเลยทีเดียวค่ะ นั้นเรามาเริ่มสูตรพอกหน้าด้วยน้ำผึ้งกันเลยค่ะ
สูตรพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง 

สูตรพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง

น้ำผึ้งนอกจากจะมีรสหวานอร่อยเพราะมีส่วนผสมของน้ำตาลกลูโคล์สถึง 79% แล้ว ยังมีกรดชนิดต่าง ๆ ผสมอยู่ในปริมาณสูงจึงสามารถนำมาเป็นมาส์กพอกหน้าเพื่อกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปได้ โดยอุ่นน้ำผึ้งให้ร้อนขึ้นเล็กน้อยในไมโครเวฟ จากนั้นทำความสะอาดผิวหน้าและใช้ผ้าขนหนูซับให้แห้ง ใช้นิ้วมือหรือแปรงที่มีขนอ่อนนุ่มทาน้ำผึ้งอุ่น ๆ (ไม่ใช่ร้อน) ลงบนใบหน้า ปล่อยทิ้งไว้สิบนาทีแล้วล้างออกเบา ๆ ด้วยน้ำอุ่นและซับด้วยผ้าขนหนูนุ่ม ๆ

การพอกหน้าด้วยน้ำผึ้งนี้จะทำให้คุณรู้สึกว่าผิวเนียนนุ่มขึ้นได้ทันทีและการพอกหน้าตำรับนี้คุณยังสามารถทำได้บ่อยตามต้องการ เพราะน้ำผึ้งไม่มีกรดที่รุนแรงต่อผิวหน้า

ตื่นมาสวยกับเคล็ดลับบำรุง..ความงามยามหลับ


เพียงเพราะคุณนอนหลับไม่ได้หมายความว่าผิวของคุณจะหลับไปด้วย ที่จริงชั่วโมงของการนอนหลับเป็นเวลาที่ดีที่สุด ในการทำให้ผิวของคุณดูดี "เวลาหลับ ระดับการเผาผลาญพลังงานของคุณจะต่ำลง คุณจึงไม่ได้สร้างอนุมูลอิสระที่ทำลายผิวมากเท่ายามตื่น นอกจากนี้ คุณยังไม่ได้เผชิญกับมลภาวะหรือรังสียูวีที่สามารถทำร้ายผิว" ฉะนั้น ผลิตภัณฑ์ใดก็ตามที่คุณใช้จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นในยามค่ำคืน มาใช้ประโยชน์ของช่วงพักตัวของผิวด้วยเคล็ดลับง่ายๆ ต่อไปนี้ ที่จะทำให้ช่วงเวลานอนหลับเป็นช่วงแห่งความงามของคุณ
ล้างหน้าหน่อยนะ ฟังดูโง่ๆ แต่มีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยจริงๆ ที่ไม่ยอมล้างหน้าก่อนนอน! แต่ไม่ว่าคุณจะง่วงนอนแค่ไหน อย่าได้หลับไปพร้อมกับสิ่งสกปรกและน้ำมันที่สะสมอยู่บนผิวหน้า เพราะมันจะอุดตันผิวในขณะหลับ และนำไปสู่อาการอักเสบและสิว! เครื่องสำอางรอบดวงตาก็เช่นกัน เม็ดสีจากไลเนอร์และอายแชโดว์สามารถเข้าตาและทำให้เกิดอาการระคายเคือง มาสคาร่า ที่ไม่ได้ล้างออกก็อาจทำให้ขนตาหักขาดได้ และถ้าคุณไม่ล้างหน้าก่อน ผลิตภัณฑ์ใดก็ตามที่คุณทาลงไปก็จะไม่ได้ผลเท่าที่ควร ถ้ามีชั้นของความสกปรกฉาบอยู่บนผิว

กำจัดความหมองคล้ำ เพื่อให้ผิวดูอ่อนเยาว์และสดใส คุณต้องกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วซึ่งสะสมอยู่ออกไปเสียก่อนแต่กระบวนการนี้อาจทำให้ผิวคุณไวต่อแดด และปัจจัยภายนอกอื่นๆ มากขึ้นได้ ฉะนั้น การผลัดเซลล์ผิวในยามค่ำคืนจึงดีกว่า คุณจะเลือกใช้สครับแบบมีเม็ดขัดหรือแบบที่มีส่วนผสมของกรดไกลโคลิกหรือซาลิไซลิก ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของคุณ ใช้สัปดาห์ละสองถึงสามครั้ง สำหรับผิวหมองคล้ำ มีริ้วรอย หรือมีจุดด่างดำ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้ครีมเรติโนอิดที่กระตุ้นการเติบโตของเซลล์ผิวใหม่ เร่งการสร้างคอลลาเจน และสลายสิ่งอุดตันในรูขุมขน

รักษาความชุ่มชื่นตลอดเวลา ในขณะที่คุณหลับ อุณหภูมิของร่างกายจะสูงขึ้น ทำให้ร่างกายมีเหงื่อออกและปล่อยความชื้นออกมาที่ทำให้ผิวแห้งลง เพื่อให้ผิวชุ่มชื่นอยู่เสมอทามอยสเจอไรเซอร์ที่มีสารดึงดูดความชื้น (Humectant) อย่างเช่น กรดไฮยาลูรอนิกหรือ กลีเซอรีนที่จะดึงน้ำไว้ในผิว หรือเซราไมด์ที่จะรักษาปราการความชุ่มชื้นของผิว คุณอาจลองใช้เครื่องเติมความชื้นในอากาศเพื่อไม่ให้อากาศแห้งด้วยอีกแรงก็ได้

จัดการกับถุงใต้ตาและอาการบวม เพื่อลดริ้วรอยบางๆ และรอยคล้ำใต้ตา ตัวช่วยที่ดีที่สุดของคุณก็คืออายครีมที่มีส่วนผสมของเปปไทด์ กรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่ส่งสัญญาณให้ผิวของคุณสร้างคอลลาเจนให้มากขึ้น อายครีมควรทาสักหนึ่งชั่วโมงก่อนนอนเพื่อลดความเสี่ยงที่มันจะไหลเข้าตา ที่จะให้เกิดรอยบวมและอาการระคายเคือง และใช้การตบเบาๆ ด้วยปลายนิ้วนางไม่ใช่ถูทา



เรียวปากเรียบเนียน การเป็นเจ้าของปากอวบอิ่มอาจต้องใช้มากกว่าผลิตภัณฑ์ตามเคาน์เตอร์ แต่คุณสามารถทำให้มันนุ่มนวลและดูดีได้ด้วยการดูแลเอาใจใส่ในยามนอน ก่อนเข้านอนใช้แปรงสีฟันนุ่มๆ จุ่มเบกกิ้งโซดากับน้ำเล็กน้อยและขัดริมฝีปากเบาๆ เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วจากนั้น ทาลิปบาล์มที่ให้ความชุ่มชื้นสูง

จัดท่านอน ท่านอนที่สบายที่สุดของคุณอาจไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับความงามของคุณก็ได้โดยเฉพาะถ้าคุณชอบนอนคว่ำหน้า! ท่านี้จะทำให้ผิวถูกกดทับและการไหลเวียนก็ไม่ดีเท่าที่ควรทำให้ริ้วรอยย่นก่อตัวขึ้นมาได้ง่าย การนอนคว่ำหน้ายังทำให้มีของเหลวมาสะสมที่ใบหน้าทำให้หน้าบวมอีกด้วย ผู้เชี่ยวชาญแนะให้นอนหงาย รองหมอนให้สูงเล็กน้อยเพื่อให้โลหิตไหลเวียนดี และลองพิจารณาใช้หมอนผ้าไหมหรือซาตินที่จะไม่ดึงผิวให้เป็นรอยย่น

ทานข้าว นอกบ้านยังไงไม่ให้อ้วน


การไปกินข้าวนอกบ้านนี่มันเจ๋งสุดๆ เลยใช่ไหมละคะ?
แต่ปริมาณแคลอรี่ที่ตามมา หลังจากออกไปหม่ำมื้อพิเศษนี่แหละ ที่มันทำให้ความเจ๋งลดลงถึงขั้นติดลบ
จากงานวิจัยใหม่ล่าสุด มีวิธีที่ง่ายมากเลยที่จะกินให้น้อยลง โดยไม่ต้องฝืนใจตัวเองอย่างหนัก!

จากการศึกษาของ "คอร์เนล" พบว่า เรามีแนวโน้มที่จะกินน้อยลงในร้านอาหาร ด้วยแสงสลัวๆ และดนตรีเบาๆ (อย่างแจ๊สนะ ไม่ใช่ร็อกหรือแทงโก้)และจะดียิ่งกว่าเมื่อเราเพลิดเพลินกับอาหารมากกว่าสภาพแวดล้อม

ในการศึกษานี้ นักวิจัยตกแต่งร้านอาหารตามเงื่อนไขเรื่องแสงและเพลง และพบว่าผู้เข้าร่วมทดลองรับประทานมื้อเย็นในจำนวนน้อยกว่า 175 แคลอรี่ ผลลัพธ์ออกมาถือว่าไม่แย่สำหรับการทดลองครั้งแรก แต่ว่าถ้าคุณกินอาหารนอกบ้านบ่อยๆ มันอาจจะเพิ่มขึ้นก็ได้นะ

นักวิทยาศาสตร์อธิบายเรื่องนี้ว่า แสงไฟสลัวๆ และเสียงเพลงที่ผ่อนคลาย ช่วยให้คุณรู้สึกสบายและทำให้การกินของคุณใช้เวลามากขึ้น และเมื่อคุณกินช้าลง คุณจะรู้สึกอิ่มเร็วขึ้นนั่นทำให้คุณกินน้อยกว่าปกติ

แน่นอนว่าผลวิจัยนี้พูดถึงเฉพาะกรณีกินที่ร้านอาหาร แต่ถ้าเป็นการนำไปประยุกต์ที่บ้าน จะเลือกเปิดดนตรีไทยหรือปิดไฟให้หมดบ้านเลยก็ได้นะ คุณจะยิ่งรู้สึกเพลิดเพลินกับมื้ออาหาร แล้วก็กินน้อยลง

ใครเป็นแผลในปากบ่อย ต้องอ่าน !!


แผลในปากที่พูดถึงคือ แผลที่เป็นตุ่มสีขาวหรือสีเหลือง ที่เกิดบริเวณกระพุ้งแก้ม เหงือกหรือลิ้น ที่เรามักเรียกว่าแผลร้อนในนั่นเอง ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดแผลในปาก แต่ดูเหมือนปัจจัยหลักที่กระตุ้นให้เกิดแผลดังกล่าวก็คือ ความเครียด และการพักผ่อนไม่เพียงพอ ซึ่งอาจจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันมีปฏิกิริยาไวต่อเชื้อแบคทีเรียในปากมากเกินไป

แผลในปากพวกนี้มักสร้างความทรมาน ปวดแสบปวดร้อนให้เราได้ในเวลาดื่มหรือกินอาหาร โดยทั่วไปแล้วแผลเหล่านี้จะหายไปเองได้ภายใน 2 อาทิตย์ แต่ระหว่างนั้นเชื่อว่าท่านที่เคยเป็น คงกินอะไรไม่อร่อยหรือจะพูดจะจาแต่ละคำก็ทรมานน่าดู

คราวนี้มาดูวิธีที่ช่วยทำให้แผลที่เป็นแล้วหายเร็วขึ้น ซึ่งค้นพบโดยบังเอิญเช่นกัน คือก่อนที่จะเป็นแผลในปาก ได้ไปหาหมอด้วยอาการเจ็บคอ และได้ยาพ่นคอที่เป็นพวกสมุนไพรมาด้วย เลยลองใช้ยานั้นพ่นที่แผลในปากดู ทนแสบนิดหน่อย แต่แผลหายเร็วมากภายใน 3-4 วันเอง


***หมายเหตุ
> ปัจจัยอื่นนอกจากความเครียดและการพักผ่อนไม่พอที่ทำให้เกิดแผลในปากคือ
> การที่กระพุ้งแก้มหรือลิ้นโดนฟันขบเอา เหงือกโดนแปรงสีฟันที่มีขนแปรงแข็งเกินไป การกินอาหารที่ร้อนจัดเผ็ดจัด และอาหารพวกสัปปะรด มันฝรั่งทอดกรอบ ช็อกโกแล็ต ซินนาม่อน และถั่ว เป็นต้น
> การแพ้อาหารที่มีส่วนผสมของสารกันบูด เช่นbenzoic acid, sorbic acid หรือ gluten ซึ่งเป็นโปรตีนที่พบในข้าวสาลีและธัญพืชอื่น
> การขาดวิตามินดี วิตามินบี12 ธาตุเหล็ก กรดโฟลิก และกรดอะมิโน ไลซีน
> การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การมีประจำเดือน
> สารก่อให้เกิดฟองในยาสีฟัน (SLS)
> เชื้อไวรัสบางชนิด เช่น เริม (Herpes simplex)

** การป้องกันการเกิดแผลในปาก
> งดหรือลดอาหารที่กินแล้วมักเกิดแผลในปาก
> รักษาความสะอาดในช่องปาก ด้วยการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ

*** ควรพบแพทย์เมื่อ
> แผลเจ็บมากจนดื่มน้ำแทบไม่ได้
> เกิดแผลในปากมากกว่า 4 แผล
> ถ้าเป็นแผลนานเกินกว่า 2 อาทิตย์
> ถ้ามีไข้ 101° ฟาเรนไฮน์หรือสูงกว่า ร่วมด้วย
> ถ้าแผลในปากเกิดจากลวดดัดฟันหรือฟันที่บิ่นหรือคม

อยากลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น อย่าพลาดผัก-ผลไม้พวกนี้นะจ๊ะ !!!



กะหล่ำปลี
กะหล่ำปลี เป็นผักใบเขียวที่มีโปรตีนเทียบเท่ากับเนื้อสัตว์และเต้าหู้ แถมยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามินซี โฟเลท และแมงกานีส ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายดูดซับสารอาหารได้เร็วขึ้น และลดความอยากของหวานได้อีกด้วย

อะโวคาโด
ในอะโวคาโดมีทั้งไฟเบอร์ โพแทสเซียม วิตามินอี และกรดโฟลิก ซึ่งล้วนมีประโยชน์ต่อร่างกาย จากผลการศึกษาของ CDC พบว่า คนที่รับประทานอะโวคาโดเป็นประจำ จะลดน้ำหนักได้มากกว่าคนที่ลดการรับประทานน้ำตาล นอกจากนี้ คนที่รับประทานอะโวคาโดบ่อย ๆ ยังจะมีน้ำหนักและรอบเอวที่น้อยกว่าคนที่ไม่ค่อยรับประทานอีกด้วย แต่ถ้าคุณเป็นอีกคนที่รับไม่ได้กับรสชาติจืด ๆ ของอะโวคาโดล่ะก็ แนะนำให้คุณนำไปปั่นเป็นสมูทตี้แทนการรับประทานสด ๆ ไม่แน่ว่าคุณอาจจะติดใจกับรสชาติก็ได้ค่ะ

เมล็ดทานตะวัน
เมล็ดทานตะวันเมล็ดเล็ก ๆ นี่ล่ะค่ะ มีประโยชน์อย่างมากมาย เพราะอุดมไปด้วยแร่ธาตุ เช่น ฟอสฟอรัส เหล็ก แมกนีเซียม และสังกะสี นอกจากนี้ ในเมล็ดทานตะวันยังมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ และยังช่วยลดโอกาสเสี่ยงเป็นโรคหัวใจได้อีกด้วย รู้อย่างนี้แล้ว พกเมล็ดทานตะวันอบแห้งติดโต๊ะทำงานไว้สิคะ เอาไว้ทานเป็นของว่าง ที่นอกจากจะได้ความอร่อยเและเพลิดเพลินแล้ว ยังจะช่วยควบคุมความอยากอาหาร ไม่ให้คุณทานมากเกินไปอีกด้วยค่ะ

พริกหยวก
ผลการวิจัยชี้ว่า คนที่รับวิตามินซีไม่เพียงพอต่อร่างกาย จะมีโอกาสอ้วนมากกว่าคนที่รับประทานวิตามินซีเป็นประจำ ซึ่งพริกหยวกเป็นผักชนิดหนึ่งที่มีวิตามินซีอยู่มาก และช่วยให้ร่างกายดูดซับธาตุเหล็กได้ดีขึ้น เพราะฉะนั้น ถ้าอยากลดน้ำหนักได้เร็ว ๆ ก็รับประทานพริกหยวกให้มากขึ้นสิคะ คุณอาจจะใส่พริกหยวกลงไปในผัดผัก สลัด หรือยำต่าง ๆ ก็ได้ค่ะ

มะนาว
นอกจากจะใช้ปรุงรสเปรี้ยวให้อาหารแล้ว มะนาวยังเป็นตัวช่วยหนึ่งที่ทำให้เราสามารถลดน้ำหนักได้เร็วขึ้นอีกด้วย แถมเรายังสามารถใช้มะนาวเป็นส่วนประกอบในอาหารได้หลากหลาย เช่น ใส่ในเครื่องดื่มได้ทุกประเภท เพิ่มรสชาติให้อาหารจานต่าง ๆ ซึ่งนอกจากจะช่วยในเรื่องการลดน้ำหนักแล้ว กรดซีตริกในมะนาวยังสามารถช่วยลดอาการไอ และรักษาอาการเจ็บคอได้อีกด้วยค่ะ มีประโยชน์สุดจี๊ดขนาดนี้ ก็อย่าลืมรับประทานกันเยอะ ๆ นะคะ

ยิ่งอ้วน โรคก็ยิ่งรุมเร้า เพราะฉะนั้นหากอยากมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรง เราก็ควรจะเริ่มต้นด้วยการควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกินมาตรฐาน และหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่านะคะ

วันเสาร์, มีนาคม 30, 2556

"นมเปรี้ยว" ไม่ช่วยลดความอ้วน!!!

เชื่อว่ามีคุณผู้หญิงหลายๆท่านที่เข้าใจว่าดื่มหรือรับประทานนมเปรี้ยว จะช่วยลดความอ้วนได้ เราจะมารู้จักนมเปรี้ยวกัน นมเปรี้ยวหรือโยเกิรต์ทีที่มีวางในท้องตลาดกันว่า ช่วยลดอ้วนได้จริงหรือ ?? 



นมเปรี้ยวหรือโยเกิรต์ทีที่มีวางในท้องตลาด แบ่งออกได้เป็น 2ประเภทใหญ่ๆคือชนิดของเหลว สามารถดื่มได้ทันที กับชนิดกึ่งแข็งกึ่งเหลว โดยนมเปรี้ยวจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากการนำนมไปหมัก ด้วยจุลินทรีย์ที่ไม่ทำให้เกิดโรค อาจมีการเติมวัตถุอื่นที่จำเป็นต่อกรรมวิธีการผลิต และอาจมีการปรุงแต่งสี กลิ่น รส ด้วย สำหรับจุลินทรีย์ที่นิยมใช้กันเป็นแบคทีเรียกลุ่มแลคโตบาซิลลัส และสเตรปโตคอคลัสซึ่งแบคทีเรียนี่เปลี่ยนน้ำตาลแลคโตส ในนมให้เป็นกรดแลคติด ทำให้ที่มีปัญหาเกิดอาการท้องเสียจากการดื่มนมเนื่องจากร่างกาย ไม่สามารถย่อยน้ำตาลแลคโตสได้ สามรถรับประทานนมเปรี้ยวแทนนม และได้รับคุณค่าทางอาหารของนมได้  สำหรับความเข้าใจที่ว่านมเปรี้ยวจะไม่ทำให้อ้วนนั้นจริงๆแล้ว พลังงานทั้งหมดที่ได้จากนมเปรี้ยว จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต เช่น ถ้านมเปรี้ยวที่ทำจากนมสดก็ย่อมให้พลังงานมากกว่านมเปรี้ยว ที่ทำมาจากนมพร่องมันเนย ซึ่งมีไขมันต่ำกว่า แต่หากมีการเติมน้ำตาลมากๆเพื่อให้มีรถหวาน นมเปรี้ยวนั้นก็อาจให้พลังงานมากกว่านมธรรมดาๆก็ได้ เวลาที่จะเลือกซื้อนมเปรี้ยวมารับประทาน ต้องดูละเอียดต่างๆบนผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะบอกส่วนประกอบสำคัญว่ามีอะไรบ้าง

นอกจากนี้ ที่ฉลากยังจะบอกชื่ออาหาร ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต ปริมาตรสุทธิ ข้อความที่แสดงว่ามีการใช้วัตถุเจือปนอาหาร ในกรณีที่มีการใช้ที่สำคัญมีเครืองหมาย อย. แสดงเลขทะเบียนตำรับอาหารหรือเลขที่รับอนุญาตให้ใช้ฉลากอาหาร และวันเดือนปีที่หมดอายุ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการเลือกซื้อนมเปรี้ยวมารับประทาน นอกจากดูรายละเอียดบนฉลากแล้วต้องตรวจดูภาชนะบรรจุ ว่าอยู่ในสภาพเรียนร้อยหรือไม่ มีการปิดผนึกสนิท ไม่รั่ว ซึมหรือฉีกขาด และการเก็บสินค้าต้องเก็บอย่างถูกต้องเหมาะสม เช่น ถ้าเป็นนมพาสเจอร์ไรส์ ต้องเก็บในตู้เย็นหรือตู้แช่ อุณหภูมิไม่เกิน10องศาเซลเซียส นมยูเอชทีสามารถเก็บในห้องธรรมดาได้ แต่ต้องไม่อยู่ใกล้ความร้อน หรือถูกแสงแดด และไม่วางทับซ้อนกันหลายชั้นเกินไป จนทำให้กล่องนมย่น

มาลดพุง กระชับหน้าท้องกันเถอะ !!


step1. ยืนตัวตรง ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นตั้งเป็นเส้นตรง พยายามยืดตัวให้ตรงเข้าไว้นะคะ

step2. โน้มตัวไปข้างหน้าให้ลำตัวขนานกับพื้น ค้างไว้ 10 วินาที แล้วกลับสู่ท่าเดิม พยายามยืดตัวให้ตรงที่สุดนะคะ

step3. เอนตัวไปด้านหลังพอประมาณ แล้วกลับสู่ท่าเดิม ทำสลับกันไปมา สัก 5 รอบคะ

step4. หลังจากกลับสู่ท่าเดิม(ยืนตัวตรง)จากนั้นโน้มตัวไปข้างหน้า แล้วค่อยๆ บิดลำตัวไปทางขวาและซ้ายสลับไปมา ข้างละ 10 วินาที

รูปร่างของสาวไทย ต้องออกกำลังกายแบบไหมถึงจะเหมาะสม

วัยรุ่นโดยเฉพาะหญิงไทยอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปอ้วนลงพุง มีรอบเอว 80 เซนติเมตร สูงขึ้น 58 % ประมาณ 31 นิ้วครึ่ง เอวประมาณนี้ก็เยอะและเข้าข่ายอ้วนลงพุงแล้ว และรูปร่างผู้หญิงไทยไม่เหมือนกันทุกคน วันนี้เลยนำตัวอย่างรูปร่างผู้หญิงไทยมีหุ่นหลายรูปทรง อย่างเช่น 



รูปมะม่วง หรือ The inverted triangle
มะม่วงมีส่วนบนของลำตัวหนามีเอวกับสะโพกเล็ก เพราะไขมันจะสะสมอยู่ที่อกกับต้นแขน
ควรออกกำลังกายแนวแอโรบิค เช่น ไปเดิน ไปปั่นจักรยาน วิ่ง ว่ายน้ำ ไปบริหารกล้ามเนื้อส่วนบนและต้นแขนให้กระชับได้

รูปทรงน้ำเต้า หรือThe hourglass
มีรูปร่างสมส่วน มีอกที่อวบ มีเอวที่คอดสะโพกที่ผาย สามารถลดน้ำหนักได้ง่ายกว่ารูปร่างอื่น
ควรออกกำลังกาย ว่ายน้ำและยกเวตเพื่อกระชับรูปร่าง

รูปทรงชมพู่
คือ ขนาดหน้าอกที่เล็ก แต่สะโพก ก้น ต้นขาใหญ่ ข้างบนเล็กข้างล่างใหญ่
ควรออกกำลังกาย โดยการปั่นจักรยาน เดินในที่มีความชัน ยกขาเตะสลับ หรือว่าโยคะ เน้นออกกำลังกายที่ต้องให้ส่วนข้างล่างให้มากที่สุด

รูปทรงกล้วย หรือ The Rectangle
รูปร่างที่เท่ากันตั้งแต่ส่วนบนจนถึงส่วนร่างไม่ค่อยมีส่วนโค้งส่วนเว้า ที่ชัดเจน
อันนี้เหมาะสมกับการออกกำลังกายทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการวิ่งเพื่อลดน้ำหนัก และลดเฉพาะส่วนที่ล้นออกมา

สรุปคนเรารูปร่างไม่เหมือนกัน วิธีการออกกำลังกาย วิธีการคุมอาหาร หรือลดน้ำหนักต้องให้เหมาะสมกับรูปร่างของเราด้วย เช่นวันนี้เราเล็งรูปร่างของเราให้ดี และดูว่ารูปร่างของตัวเราเองเป็นแบบไหน แล้วออกกำลังกายแบบใด แค่นี้คุณก็จะไม่อ้วนลงพุงกันแล้ว

วันศุกร์, มีนาคม 29, 2556

ลิปมันช่วยให้ขนตายาวเด้ง





ถ้าสาวคนไหนไม่ปลื้มกันการปัดมาสคาร่าเพราะมักจะทำให้ดวงตาเป็นหมีแพนด้าล่ะก็ ลองวิธีที่สาวรักสวยเขาแนะนำกันมาดีกว่

เพียงแค่หยิบลิปมันสูตรธรรมดามาทาลงบนขนตา แล้วดัดขนตาตามปกติ วิธีนี้นอกจากจะทำให้ขนตาเด้งงอนนานแล้ว ยังส่งผลให้ขนตาของเราเงางามด้วยล่ะ อยากรู้ว่าจริงหรือเปล่า ลองทำดูเลย...

วันพฤหัสบดี, มีนาคม 28, 2556

เคล็ดลับเล็กๆ ช่วยให้ผอมเพรียว

การปรับพฤติกรรมเรื่องอาหารการกิน บางเรื่องแม้ดูเล็กน้อย แต่ให้ผลเรื่องการลดน้ำหนักมากมาย


1. สำรวจนิสัยการกินของตัวเอง เช่น ชอบกินอาหารตอนกลางคืนหรือ ชอบกินอาหารในเวลาที่ทำอาหารหรือเปล่า หรือชอบกินอาหารที่ลูกกินไม่หมด เมื่อสำรวจตัวเองจนรู้จุดอ่อนแล้ว ก็จะตัดแคลอรี่ออกไปได้ง่ายขึ้น

2. ไปช็อปปิ้งตอนกินอิ่มแล้วเสมอ ทุกคนคงเห็นตรงกันว่าถ้าไปช็อปปิ้งตอนท้องว่างมักทำให้เลือกซื้ออาหารตามใจปาก ในทางกลับกัน หากไปช็อปปิ้งตอนอิ่มแล้วก็จะมีสติในการหยิบของใส่ตะกร้ามากขึ้น

3. นั่งกิน และกินในจาน มีการศึกษาพบว่าการกินอาหารจากแพ็กเกจและยืนกิน ทำให้กินอาหารปริมาณมากกว่าการนั่งกินอาหารในจานบนโต๊ะอาหาร เพราะการกินอาหารจากแพ็กเกจบรรจุอาหารหรือยืนกินจะทำให้เรากินจนเพลินนั่นเอง

4. ตักอาหารใส่จานส่วนตัว หากกำลังควบคุมน้ำหนัก ลองตักอาหารที่จะกินในปริมาณที่อิ่มกำลังดี ใส่จานส่วนตัว (ซึ่งอาจมีขนาดเล็กกว่าจานของคนอื่น) โดยไม่ตักกับข้าวหลากหลายชนิดมาวางร่วมสำรับด้วย เพราะอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะจะเรียกร้องให้เราตักกินอยู่เรื่อยๆ

5. วางแผนอาหารว่าง การกินอาหารแบ่งเป็นมื้อเล็กๆ ดีต่อการเผาผลาญ จึงควรจัดอาหารว่างที่แคลอรี่ต่ำ และดีต่อสุขภาพสำรองไว้ เพื่อจะได้ไม่คว้าอาหารแคลอรี่สูงมากินตอนหิว
เรามาเปลี่ยนแปลงสิ่งเล็กๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ด้วยกันนะคะ

วันพุธ, มีนาคม 27, 2556

5 ประโยชน์ของ แปรงแต่งหน้ารูปพัด

แปรงแต่งหน้ารูปพัดเป็นอาวุธสำคัญที่สาวๆ ควรมีติดกระเป๋าเอาไว้ เพราะนอกจากจะใช้ทาแป้งฝุ่นให้ดูบางเบาและเป็นธรรมชาติแล้ว ยังมีประโยชน์อีกมากมายดังนี้



1. ลบข้อผิดพลาด ด้วยรูปทรงที่ดูเหมือนพัด จึงช่วยให้สามารถปัดเศษผงต่างๆ (อย่างอายแชโดว์ที่หล่นร่วงลงมา) ออกไปได้ง่ายๆ

2. ปัดบลัชออน ถ้าคุณอยากปัดบลัชออนหรือบรอนเซอร์ให้ดูบางเบาเป็นธรรมชาติ แปรงแต่งหน้ารูปพัดนี้เหมาะมากที่จะใช้ทำให้สีแก้มดูบางเบาและนุ่มนวล

3. ทาแป้งผสมรองพื้น คุณสามารถทาแป้งผสมรองพื้นในส่วนต่างๆ ของใบหน้าได้อย่างแม่นยำถ้าใช้แปรงรูปพัดแบบนี้

4. กระจายสี แปรงรูปพัดจะช่วยลบเส้นขอบแข็งๆ ของเครื่อง-สำอางชนิดฝุ่นให้ดูอ่อนนุ่มและกลมกลืนได้ดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่จะทาสีหนึ่งทับหรือชนกับอีกสีหนึ่ง

5. ทามาส์ก คุณสามารถใช้ทามาส์กพอกหน้าได้อย่างราบเรียบเสมอกันทั่วทั้งใบหน้าถ้าคุณทาด้วยแปรงรูปพัด ซึ่งจะช่วยประหยัดมาส์กให้คุณได้ด้วย

8 วิธีถนอมสายตาเมื่ออยู่หน้าคอม



1. เลือกจอภาพที่มีการกระจายรังสีต่ำเพื่อถนอมสายตา วิธีทดสอบแบบง่ายๆ ทำโดยการปิดสวิตช์ภาพแล้วเอาแขนไปจ่อไว้ไกล้ๆ จอภาพให้มากที่สุด ซึ่งจอภาพที่มีการกระจายรังสีต่ำจะแทบไม่รู้สึกถึงไฟฟ้าสถิตตามขนที่บริเวณผิวเลย

2. ปรับแสงและความคมชัดหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้รู้สึกสบายตาให้มากที่สุด รวมทั้งความสว่างภายในห้องเราด้วย เพราะหากทำงานกับคอมพิวเตอร์ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงจ้า และจอภาพมีความสว่างมากก็ยิ่งสงผลเสียต่ดวงตาได้ง่ายขึ้น

3. ตำแหน่งของจอภาพควรห่างจากดวงตาพอประมาณ 18-24 นิ้วหรือประมาณช่วงแขนเอื้อม และปรับระดับให้ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 15-20 องศา ซึ่งหากระยะห่างระหว่างตากับจอภาพไม่สัมพันธ์กันอาจทำให้เกิดอาการเมื่อยล้าและปวดตาได้ง่าย

4. ควรใส่แผ่นกรองรังสีติดไว้ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เพื่อเป็นการช่วยกระจายรังสีจากคอมพิวเตอร์สู่สายตาที่สำคัญควรเลือกแบบที่มีคุณภาพและเชื่อถือได้

5. ทำความสะอาดหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่เสมอ เพราะฝุ่นละอองอาจจะทำให้เกิดการสะท้อนมากยิ่งขึ้น

6. การหยุดพักหรือการเปลี่ยนแปลงตารางการทำงานใหม่จะช่วยให้สายตาคลายความเมื่อยล้าจากการจ้องหรือเพ่งคอมพิวเตอร์ได้ เช่นหยุดพักสายตาครั้งละ 15 นาที ทุกๆ 2 ชั่วโมง แล้วค่อยเริ่มการทำงานต่อไปก็จะช่วยให้ถนอมสายตาได้

7. ใช้ผ้าซุปน้ำหมาดๆ วางไว้บนเปลือกตา และหลับตาสัก 2-3 นาที หรือจะให้ดีกว่านั้นปิดไฟ นอนพักสักครู่เพื่อเป็นการซาร์ตพลังงานให้กลับสายตามาแข็งแรงอีกครั้ง

8.สำหรับคนที่ใส่คอนแทคเลนส์จะเกิดการตาแห้งเพราะห้องที่มีคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่มักจะเป็นห้องแอร์ เมื่อบวกกับความร้อนจากเครื่องคอมพิวเตอร์จะทำให้อากาศแห้ง การหยดน้ำตาเทียมก็จะช่วยให้ตากลับมาสดชื่นอีกครั้งได้

ตะบองเพชรช่วยได้
ลองหากระถางกระบองเพชรต้นเล็กๆ มาวางใกล้ๆ กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ดูสิ เพราะตะบองเพชรมีความสามรถดูดซับสังสีได้เป็นอย่างดี

เมื่อใดที่ไม่ควรออกกำลังกาย (ต้องอ่าน)

การออกกำลังกายจะทำให้สุขภาพแข็งแรงขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ ผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอจะซาบซึ้งในความจริงข้อนี้เป็นอย่างดี บางคนบอกว่าการออกกำลังกายเหมือนยาเสพติดชนิดหนึ่ง เพราะถ้าประพฤติปฏิบัติจนเป็นกิจวัตรหรือเป็นนิสัยแล้ว หากไม่ได้ออกกำลังกายสักวันจะรู้สึกไม่ค่อยสดชื่นเท่าที่ควร ซึ่งเป็นความจริง (เพราะร่างกายไม่ได้หลั่งสารสุข ‘เอนเดอร์ฟินส์' ออกมา)



แม้การออกกำลังกายจะมีผลดีต่อสุขภาพร่างกายมากมาย แต่ก็มีหลายกรณีที่เราควรระมัดระวัง หรืองดออกกำลังชั่วคราว ในภาวะใดภาวะหนึ่งต่อไปนี้คือ

1. เจ็บป่วยไม่สบาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นไข้หรือมีอาการอักเสบที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย
2. หลังจากฟื้นไข้ใหม่ ๆ ที่ร่างกายอ่อนเพลียอยู่  หากออกกำลังกายในช่วงนี้ จะทำให้ร่างกายยิ่งอ่อนเพลียและหายช้า
3. หลังจากกินอาหารอิ่มใหม่ ๆ เพราจะทำให้เลือดในระบบไหลเวียนถูกแบ่งไปใช้ในการย่อยอาหาร เพราะฉะนั้นเลือดที่จะไปเลี้ยงกล้ามเนื้อส่วนที่ออกกำลังกายก็จะลดลง ทำให้กล้ามเนื้อหย่อนสมรรถภาพ และเป็นตะคริวได้ง่าย
4. ช่วงอากาศร้อนและอบอ้าวมาก เพราะร่างกายจะสูญเสียเหงื่อและน้ำมากกว่าปกติ ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หรือเป็นลมหมดสติได้ (สำหรับผู้ที่ร่างกายไม่แข็งแกร่งจริงอย่างนักกีฬา)


อาการที่บ่งบอกว่าควรหยุดออกกำลังกาย
ในบางกรณีที่ร่างกายอาจอ่อนแอลงไปชั่วคราว เช่น ภายหลังอาการท้องเสีย อดนอน การออกกำลังกายที่เคยทำอยู่ตามปกติอาจจะกลายเป็นหนักเกินไปได้ เพราะฉะนั้นถ้าหากมีอาการดังกล่าวต่อไปนี้ แม้เพียงอาการเดียวหรือหลายอาการ ควรจะหยุดออกกำลังกายทันที นั่นคือ
1. รู้สึกเหนื่อยผิดปกติ
2. มีอาการใจเต้นผิดปกติ
3. อาการหายใจขัดหรือหายใจไม่ทั่วถึง
4. อาการเวียนศีรษะ
5. อาการคลื่นไส้
6. อาการหน้ามืด
7. ชีพจรเต้นเร็วกว่า 140 ครั้งต่อนาที (ในผู้สูงอายุ) หรือ 160 ครั้งต่อนาที (สำหรับหนุ่มสาว)


จำไว้ว่าหากมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ต้องหยุดออกกำลังกายทันที และนั่งพักหรือนอนพักจนหายเหนื่อย และไม่ควรออกกำลังต่อไปอีกจนกว่าจะได้ไปพบแพทย์ หรือจนกว่าร่างกายจะมีสภาพแข็งแรงตามปกติ

วันอังคาร, มีนาคม 26, 2556

นอนน้อยอาจทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น

ผลวิจัยของมหาวิทยาลัยโคโลราโดระบุว่า การนอนน้อยทำให้คนเรารับประทานอาหารมากขึ้น ส่งผลให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นด้วย ผลการวิจัยล่าสุดระบุว่า การอดนอนเพียงอย่างเดียวไม่ได้ทำให้น้ำหนักเพิ่ม แต่เมื่อพักผ่อนไม่เพียงพอก็จะนำไปสู่การรับประทานอาหารมากกว่าที่ร่างกาย เนื่องจากเมื่อคนเราตื่นนานกว่าก็ต้องการพลังงานมากกว่า แต่ปริมาณอาหารที่รับประทานเข้าไปนั้นมากกว่าแคลลอรีที่ถูกเผาผลาญจึงทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น


การวิจัยครั้งนี้นักวิจัยมีผู้เข้าร่วมเป็นวัยรุ่นหนุ่มสาวรูปร่างดีและสุขภาพแข็งแรงจำนวน 16 คน ใช้ชีวิตอยู่ในมหาวิทยาลัยโรงพยาบาลโคโลราโดเป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยในช่วง 3 วันแรก ผู้เข้าร่วมการวิจัยทุกคนมีเวลานอนคืนละ 9 ชั่วโมงและให้ควบคุมการรับประทานอาหาร หลังจากนั้นจึงแบ่งผู้เข้าร่วมการวิจัยออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกได้นอนคืนละ 5 ชั่วโมง ส่วนอีกกลุ่มได้นอนคืนละ 9 ชั่วโมง ในช่วง 5 วันต่อมา ในช่วงนี้ทั้งสองกลุ่มจะได้รับประทานอาหารปริมาณมากขึ้นและรับประทานของว่างได้ เช่น ไอศกรีม มันฝรั่งทอด ผลไม้ และโยเกิร์ต หลังจากนั้นทั้งสองกลุ่มจึงสลับพฤติกรรมการนอน นักวิจัยจะวัดพลังงานที่ผู้เข้าร่วมการวิจัยใช้ไปโดยติดตามปริมาณออกซิเจนที่พวกเขาหายใจเข้าไปและปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่พวกเขาหายใจออกมา


ผลปรากฏว่าโดยเฉลี่ยแล้วคนที่นอนหลับ 5 ชั่วโมง เผาผลาญพลังงานมากกว่าคนที่ได้นอนหลับ 9 ชั่วโมงร้อยละ 5 แต่มีปริมาณแคลลอรีที่บริโภคเข้าไปมากกว่าร้อยละ 6 โดยคนที่นอนน้อยมีแนวโน้มรับประทานอาหารเช้าน้อยกว่าแต่รับประทานของว่างหลังจากมื้อค่ำมากกว่า ซึ่งปริมาณแคลลอรีทั้งหมดในอาหารเหล่านั้นยังมากกว่าอาหารมื้อปกติด้วย

นอกจากนี้ ผลการวิจัยยังพบว่า ผู้ชายและผู้หญิงตอบสนองต่อการรับประทานอาหารได้ไม่จำกัดต่างกัน โดยทั้งผู้ชายและผู้หญิงมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเมื่อได้นอนเพียง 5 ชั่วโมง แต่ผู้ชายมีน้ำหนักมากขึ้นแม้ว่าจะได้นอนหลับอย่างเพียงพอเมื่อรับประทานอาหารได้มากตามที่ต้องการ ส่วนผู้หญิงยังมีน้ำหนักเท่าเดิมเมื่อได้นอนหลับเพียงพอไม่ว่าจะรับประทานอาหารไปมากเพียงใด

"อาหารเพื่อผิวอ่อนเยาว์" ของสาวอยากหน้าเด็ก



1.หยุดผมร่วง รับประทานกล้วย ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินบี มีสรรพคุณป้องกันผมร่วงได้ดี การรับประทาน กล้วยเข้าไปในปริมาณที่เพียงพอ จะช่วยรักษาเส้นผมให้อยู่คู่กับหนังศีรษะได้นานวัน

2.ลดผิวมัน รับประทานธัญญาหารทุกเช้า ซึ่งอุดมด้วยวิตามินบี 2 ที่ช่วยหยุดยั้งการผลิตน้ำมันส่วนเกิน ของต่อมผลิตภายในร่างกายที่เป็นสาเหตุหนึ่งของเส้นผมบางและมัน

3.หยุดการลอกของผิวหนัง รับประทานปลาแซลมอนใส่เกลือรมควัน อาหารทะเล หรือสลัดผักสดก็ได้


4.ผิวเนียนใสเหมือนเด็ก มะม่วงมีเบต้าแคโรทีนที่ช่วยทำให้ผิวมีสุขภาพดี โดยช่วยกระตุ้นการสร้าง ผิวหนัง รวมทั้งหนังศีรษะเพื่อทดแทนของเดิมที่หยาบแห้งและขรุขระ ให้กลับมีความชุ่มชื่นและนุ่มเนียน

5.ชะลอผมหงอก รับประทานถั่วลิสงอบเนยรวมกับเกล็ดขนมปังที่อบมาร้อน ๆ ก่อนมื้ออาหาร ถั่วลิสงมี วิตามินบีที่สามารถหยุดการเปลี่ยนสีผมให้เป็นสีดอกเลาได้ และยังทำให้ผิวหนังดูดีขึ้นอีกด้วย

6.ดูหนุ่มสาวขึ้นอีก 5 ปี รับประทานฝรั่งหรือน้ำฝรั่งซึ่งอุดมด้วยวิตามินซีเพราะจะช่วยเก็บรักษาคอลลาเจนที่เป็นบ่อเกิดแห่งโปรตีนภายใต้ผิวหนัง หรือรับประทานมะละกอ ส้ม ลูกเกดสีดำอบแห้งร่วมกับผลไม้ประจำวันก็จะช่วยเพิ่มวิตามินซีเช่นกัน

7.ปกป้องใบหน้าจากมลพิษ วิตามินบีในอะโวคาโดช่วยทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัยและร่างกายเกิดความ ต้านทานจากการทำลายในรูปแบบต่างๆ ทั้งนี้รวมถึงการถูกทำลายจากบรรยากาศที่มลภาวะเป็นพิษ

เหงื่อออกมากบ่งบอกอาการของโรคได้ !

เหงื่อบ่งบอกอาการของโรคได้ อาการเจ็บป่วยหากเรารู้จักสังเกตุตนเองก็จะทำให้รู้ว่ามีอาการผิดปกติเกิดขึ้นกับสุขภาพของเราหรือไม่ ”เหงื่อออกมาก” หรือออกมากจนผิดปกติก็เป็นอาการที่บ่งบอกโรคได้เช่นกัน


เหงื่อที่ออกมาจากร่างกายของคนเรานั้น เกิดขึ้นเมื่อ่างกายสัมผัสสิ่งกระตุ้น 2 อย่าง คือ ความร้อนและอารมณ์ และโรคที่สัมพันธ์กับเหงือมี 2 ประเภทคือ
โรคที่ทำให้เหงือออกมาก ได้แก่
1. โรคเครียด ลักษณะของเหงื่อที่ออกจะออกมากบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า และหน้าผาก อาจจะมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่นใจสั่น ชีพจรเต้นเร็ว มือสั่น
2. ต่อมไทรรอยด์เป็นพิษ หรือคอพอก จะมีเหงื่อซึมออกมาทั่วตัวและบริเวณฝ่ามือทั้ง 2 ข้าง อาจมีอาการหงุดหงิด มือสั้น ขี้ตกใจ ตาโปน ผมร่วง และหิวน้ำบ่อย
3. วัณโรค เหงื่อออกมากทั่วลำตัวในเวลากลางคืนสลับกับมีอาการไอเรื้อรังร่วมด้วย
4. โรคเบาหวาน จะมีเหงื่อซึมทั่วตัวโดยเฉพาะฝ่ามือ ฝ่าเท้า ใจสั่น เหนื่อยหอบ หวิวๆ คล้ายจะเป็นลม
5. โรคหัวใจ จะมีอาการเหงื่อแตก ร่วมกับใจสั่น เหนื่อยหอบขณะออกกำลังกาย หากมีอาการแน่นที่หน้าอก เหงือออกตามนิ้วมือนิ้วเท้าทุกครั้งที่ออกกำลังกาย เสี่ยงการเป็นโรคหัวใจสูง
6. ภาวะใกล้หมดประจำเดือน คนที่ใกล้หมดประจำเดือน สมองจะหลั่งฮอร์โมนเทศหญิงน้อยลง ทำให้เหงื่อออกมากในเวลากลางคืน

ถึงแม้อาการเหงื่อออกมากจะบ่งบอกอาการของโรคได้ แต่ก็ต้องมีปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย หากมีอาการเหงื่อออกมากผิดปกติก็ควรดูแลสุขภาพ หาวิธีป้องกันและพบแพทย์เพื่อทำการตรวจร่างกายนะค่ะ

กินวันละ 9 มื้อทำให้ผอมได้

อยากผอมสวย ไม่จำเป็นต้องอดอาหารสักนิด แค่กินบ่อย ๆ ก็ผอมได้ 
โดย ดร. ซูซาน เจบบ์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยโภชนาการของ Medical Research Council เปิดเผยว่า การแบ่งมื้ออาหารออกเป็นมื้อเล็ก ๆ 9 มื้อต่อวันจะทำให้ร่างกายของคุณเผาผลาญได้ดีกว่าการกินแค่ไม่กี่มื้อ แล้วยังทำให้พลังงานจากอาหารไม่เข้าสู่ร่างกายคุณรวดเดียว จนถูกนำไปสะสมเป็นไขมัน หรือดันคอเลสเตอรอลให้พุ่งสูงปรี๊ด แถมยังทำให้คุณห่างไกลจากโรคอ้วน โรคหัวใจ และความดันโลหิตสูงด้วย

อย่างไรก็ตาม ถึงจะกิน 9 มื้อ แต่พอรวมแล้วปริมาณก็ควรเท่ากับ 3 มื้อหลักที่กินประจำ ไม่ใช่จัดเต็มทุกมื้อนะจ๊ะสาว ๆ



วันจันทร์, มีนาคม 25, 2556

ใบหน้าจะเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล"ชาเขียว"ช่วยได้

ชาเขียว กลายมาเป็นส่วนผสมยอดฮิตในอาหารและผลิตภัณฑ์ต่างๆ นั่นไม่ใช่เพราะกระแสแฟชั่น แต่ทว่าชาเขียวมีคุณประโยชน์มากมายต่อเราจริงๆ โดยเฉพาะในเรื่องความงาม และนี่คือประโยชน์หลักๆ ที่คุณสามารถนำมาใช้ได้ด้วยตัวเอง


GreenTeaCancer_m_1019.jpg
1.ใบชาเขียว มีน้ำมันหอมระเหยช่วยคืนความสดชื่นให้ผิวได้ วิธีง่ายๆ โดยการนำใบชาเขียวสามช้อนโต๊ะมาขยำแล้วใส่ลงไปในแก้วที่ใส่น้ำอุณหภูมิปกติ แช่ทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมง จากนั้นกรองเอาแต่น้ำชาใส่ในขวดฉีดน้ำสะอาดๆ นำไปแช่เย็น ใช้ฉีดพรมใบหน้า เพิ่มความสดชื่นได้มากมาย
2.ถุงชาเขียว ถ้าผิวระคายเคืองมีผื่นแดง ใช้ถุงชาที่ชงแล้วแช่เย็นมาประคบลงบนผิวที่เป็นปัญหา จะช่วยให้รอยแดงดูจางลง หรือจะใช้ประคบดวงตาเพื่อบรรเทาอาการบวมก็ยังได้
3.ผงชาเขียว หาซื้อได้ตามร้านอาหารเพื่อสุขภาพ เหมาะมากที่จะใช้เป็นส่วนผสมในครีมพอกหน้าสูตรทำเอง จะช่วยคืนความชุ่มชื้นให้ผิวได้เป็นอย่างดี วิธีการคือ บดกล้วยหอมครึ่งลูกให้เละ ผสมน้ำผึ้งหนึ่งช้อนโต๊ะ โยเกิร์ตรสธรรมชาติหนึ่งช้อนโต๊ะ และผงชาเขียวหนึ่งช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากันแล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วล้างออก

แต่ง “เบา เบา” อย่างเป็นธรรมชาติก็สวยเหมือนกันนะ

การแต่งหน้าด้วยลุคธรรมชาติใสๆ ก็ทำให้คุณสวยเด่นได้โดยไม่ต้องลงรองพื้นหนาเตอะและเมคอัพสีฉูดฉาด หากแต่เป็นการขับเน้นความสวยและจุดเด่นที่มีอยู่ตามธรรมชาติบนใบหน้าพร้อมกับซ่อนจุดบกพร่องเอาไว้



1.เดย์ครีม การบำรุงผิวด้วยเดย์ครีมก่อนแต่งหน้านั้น ทำให้หน้าดูเปล่งปลั่ง ชุ่มชื่นมากขึ้นเมื่อลงเมคอัพ
2.สีผิวไม่สม่ำเสมอ หรือรอยคล้ำรอบดวงตา ต้องปกปิดด้วยรองพื้นหรือคอนซีลเลอร์หากต้องการให้ดูเนี้ยบที่สุด แต่ถ้าสีผิวนวลเนียนอยู่แล้ว ปกปิดจุดบกพร่องเล็กน้อย ทาทับด้วยบีบีครีมแล้วลงแป้งก็น่าจะพอแล้ว
3.เลือกสีอายแชโดว์ เพื่อลุคธรรมชาติ เลือกอายแชโดว์ที่เข้ากับสีตา สำหรับสาวไทยสีตาจะออกไปทางสีน้ำตาลเข้ม เหมาะกับโทนสีเขียว ทองแดง หรือสีกาแฟ
4.ลิปกลอสหรือลิปสติกสีนู้ดที่มีประกายแวววาวเหมาะที่สุดสำหรับลุคธรรมชาติ แต่ถ้าหากต้องการทาลิปสติกที่มีสีสันขึ้นมาหน่อย ควรเลือกสีที่เข้ากับสีของฟันด้วย สำหรับคนที่ฟันขาวสะอาดจะโชคดีเหมาะกับลิปสติกทุกสี ส่วนคนที่ฟันค่อนข้างเหลืองไม่ควรใช้ลิปสติกโทนสีเหลือง เช่น น้ำตาล หรือส้ม จะทำให้ฟันดูเหลืองยิ่งขึ้น ควรใช้ลิปสติกโทนสีแดงแทน จะช่วยขับผิวหน้าและฟันให้ดูสดใสขึ้นค่ะ 

วันเสาร์, มีนาคม 23, 2556

ขอผิวผ่องสวยด้วย “แตงโม”

แตงโม ผลไม้เนื้อฉ่ำหวานชื่นใจเหมาะกับอากาศร้อนช่วงนี้ อุดมด้วยวิตามินเอและซี รวมทั้งไลโคปีนซึ่งเป็นแอนตี้ออกซิแดนต์ชั้นเยี่ยม มีปริมาณไลโคปีนไม่น้อยหน้ามะเขือเทศ โดยไม่ต้องทำให้สุกก่อนด้วย


watermelon-wedges-400x400.jpg
แตงโมจึงเหมาะอย่างมากที่จะนำมาบำรุงผิว วิธีการก็แสนง่าย เพียงแค่คั้นน้ำแตงโม เทใส่พิมพ์และนำไปแช่ในช่องฟรีซจนเป็นน้ำแข็ง จากนั้นนำก้อนน้ำแข็งแตงโมมาถูให้ทั่วใบหน้า ปล่อยทิ้งไว้ 15-20 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น ความเย็นจากน้ำแตงโมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกระชับและปลอบประโลมผิวด้วยอีกแรงหนึ่ง หรืออาจใช้ผ้าก๊อซชุบน้ำแตงโมให้ชุ่มพับซ้อนกันหลายๆ ชั้นแล้ววางลงบนใบหน้า ทิ้งไว้ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ถ้าต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการเยียวยาผิว ลองเติมน้ำผึ้งลงไปในน้ำแตงโม อัตราส่วนน้ำแตงโม 6 : น้ำผึ้ง 1 ทาลงบนใบหน้าให้ทั่ว ทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วจึงล้างออก ผิวจะดูเปล่งปลั่งนุ่มเนียนน่าสัมผัสมากๆ เลยที่เดียว ต้องลองทำดูค่ะ

ขาเนียนทุกสัมผัสด้วยครีมกำจัดขน

ถึงแม้ครีมกำจัดขนจะผลิตวางจำหน่ายในท้องตลาดอยู่มากมายเป็นเวลานานแล้ว แต่ในสภาพอากาศร้อนอย่างบ้านเรา อยากเตือนสาวๆ ให้เลือกใช้อย่างระมัดระวัง วันนี้เราจึงนำเคล็ดลับดีๆ ในการเลือกใช้ครีมกำจัดขนมาฝากค่ะ จะได้มีเรียวขาขาวๆ เนียนๆ ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย

shaving-dg-pg-01-full.jpg
1.ใช้แบบที่ผสมมอยส์เจอไรเซอร์ ความชุ่มชื้นคือสิ่งที่สำคัญมากในการโกนขน เพราะจะช่วยให้คุณไม่ต้องใช้แรงเลื่อนใบมีดในการโกนขน ทำให้โกนขนได้ง่ายและสบายขึ้น จึงหน้าจะลองหาผลิตภัณฑ์กำจัดขนที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณเพื่อการปรนนิบัติดูแลเรียวขาให้ขาวนวลแลดูเรียบเนียนทุกสัมผัส
2.ใช้ก่อนทำการเปลี่ยนสีผิว ครีมกำจัดขนชนิดนี้นอกจากจะเติมความชุ่มชื้นให้ผิวแล้ว การโกนยังช่วยกำจัดสะเก็ดผิวและเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ช่วยให้การเปลี่ยนสีผิวในภายหลังดูเรียบเนียนขึ้น
3.อย่าโกนซ้ำไปซ้ำมา การโกนซ้ำลงบนที่เดิมบ่อยๆ อาจทำให้ผิวเกิดอาการไหม้และแสบร้อนได้ ถ้าคุณเลือกใช้ครีมกำจัดขนแบบที่เป็นครีมหรือโฟมหนาๆ คุณก็จะสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าบริเวณไหนที่โกนไปแล้ว
4.อย่าใช้สบู่แทนครีมโกนขน 

ในสบู่ปราศจากสารโพลีเมอร์ที่ช่วยให้การโกนขนเป็นไปอย่างเรียบลื่นและง่ายดาย จึงอาจทำให้คุณได้แผลจากการโกน (ด้วยสบู่) ได้

วันศุกร์, มีนาคม 22, 2556

8 ทิปส์ เรียกคืนความสดใสให้ชีวิต

ถ้าคุณรู้สึกไม่สดใส เราขอแนะนำให้ดื่มน้ำสะอาดเป็นประจำหรือทานถั่วอัลมอนด์ดู ก็จะช่วยเรียกคืนความสดใสให้ร่างกายได้ค่ะ แล้วจะมีวิธีอะไรอีกบ้างมาดูกันเลย


วันพฤหัสบดี, มีนาคม 21, 2556

ดื่มน้ำ อย่างมีประสิทธิภาพ


อาหาร ลดน้ำหนัก ยิ่งกินยิ่งผอม!!!

หนทางแห่งการ ลดน้ำหนัก ที่ดีที่สุดคือการออกกำลังกาย และ การเลือกกินอาหาร ที่ช่วยกระตุ้นระบบการเผาผลาญ และลดความอยาก แล้วอาหารอะไรบ้างที่จะช่วยให้คุณผอมลงได้


พริก ผลการวิจัยในประเทศญี่ปุ่นพบว่า สารแคปไซซิน (Capsaicin) ในพริกช่วยลดการอยากอาหารได้

ถั่วเปลือกแข็ง เช่น วอลนัต อัลมอนด์ แม้ถั่วหนึ่งกำมือจะมีแคลอรีสูงถึง 165 กิโลแคลอรี แต่ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัย Purdue สหรัฐอเมริกา พบว่า การกินถั่วเปลือกแข็งช่วยกระตุ้นร่างกายให้เผาผลาญดีขึ้นอีก 11 เปอร์เซ็นต์และ
ลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจได้ด้วย
เต้าหู้ ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยหลุยส์เซียนา สหรัฐอเมริกา พบว่า การกินเต้าหู้ 1 ช้อนโต๊ะ ก่อนกินอาหาร ช่วยลดความอยากอาหารได้ 42 เปอร์เซ็นต์

น้ำส้มสายชูวินิการ์ ผลการวิจัยจากประเทศสวีเดนพบว่า หากกินน้ำส้มสายชูวินิการ์พร้อมมื้ออาหาร กรดอะซิติกในน้ำส้มสายชูจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง จึงอิ่มนานขึ้น

ลูกแพร์ นอกจากจะมีไฟเบอร์สูงแล้ว ผลการวิจัยในบราซิลยังพบว่า ผู้หญิงที่กินลูกแพร์ขนาดเล็กหลังมื้ออาหาร เป็นเวลา 2 เดือน มีน้ำหนักลดลง ½ กิโลกรัม

มาดูกันว่า..คุณใช้ครีมกันแดดแบบผิดวิธีหรือเปล่า?


หลายๆ ท่า่นคงจะหน้า้เบ้แ้ละเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่า ครีมกันแดดนั้นเป็นเครื่องประทินผิวที่สุดแสนจะพื้นฐานเหลือเกิน ไม่เห็นจะต้องมีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเลย ครีมกันแดด ก็มีอยู่เต็มตู้แป้งประทินโฉมก็มีสารป้องกันแสงแดด แล้วเราจะมาเสียเวลาอ่านบทความเกี่ยวกับสารเคมีกันอีกทำไม?

แต่เราอยากขอเน้นย้ำเรื่องการใช้ครีมกันแดดกันอีกสักนิด เพราะรายงานการวิจัยมีข้อมูลน่าตกใจว่า มากกวา่ 98% ผู้ใู้ช้ครีมกันแดดนั้นยังใชครีมกันแดดอย่า่งไม่ถูกกูวิธี? แล้วการทาครีมกันแดดที่ถูกวิธินั้นควรจะเป็นอย่า่งไร?
การทาครีมกันแดดที่เหมาะสำหรับผิวคนไทยนั้น ให้ใช้ SPF ราว 15-30 ก็เพียงพอแล้วหาก SPF สูงกว่า่ นี้จะทำให้เ้กิดสิว อุดตัน ได้ง่าย เวลาใช้ควร บีครีม กันแดดออกมาให้ไ้ด้ปริมาณราว 2 ข้อนิ้วก้อยและค่อยบรรจงเกลี่ย ให้ทั่วหน้า...แต่หัวใจสำคัญที่ที่สุดที่หลาายคนจะพลาดไปก็คือ...เราควรทาครีมกันแดดด้วยปริมาณดังกล่าว ทุก 2- 3 ชั่วโมง เพราะสารเคมี ทีมีี่อานุภาพปกป้องผิวจากแสงแดดจะคงตัวไว้ได้ราว 2-3 ชั่วโมง เท่านั้น แสดงว่าหาก เราเป็นคนหนึ่งที่ทาครีมกันแดดเพยีงครั้งเดียวในตอนเช้า ก็เท่ากับว่าเราเป็นหนึ่งใน 98% ที่ใช้ครีมกันแดด อย่างไม่ถูกต้องเสียแล้ว

วันพุธ, มีนาคม 20, 2556

มาดูว่าผิวของคุณเป็นผิวประเภทไหน

ผิวสุขภาพดี เริ่มต้นที่นี่
ถ้าคุณอยากให้ "ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งสดใสแบบสาวสุขภาพดี" สิ่งแรกที่คุณต้องรู้อย่างแน่ชัดให้ได้ก็คือสภาพผิวของคุณอยู่ในประเภทไหน เพื่อที่จะได้รู้ทิศทางว่าจะต้องบำรุงดูแลอย่างไร


ถ้าคุณมีผิวผสม แต่นึกว่าตัวเองเป็นคนผิวแห้ง แล้วเลือกใช้แต่ผลิตภัณฑ์สำหรับคนผิวแห้ง ก็อาจส่งผลร้ายมากกว่าผลดีได้ ฉะนั้น ถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่าผิวของคุณอยู่ในประเภทไหน เราก็มีวิธีตรวจสอบผิวมาบอกคุณแล้ว

วิธีตรวจสอบ
1.ล้างหน้าด้วยเจลล้างหน้าสำหรับผิวธรรมดาทั่วไป โดยล้างผิวหน้าด้วยน้ำเย็น
2.ซับหน้าให้แห้ง แล้วปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้นประมาณ 20 นาที
3.ตรวจดูผิวหน้าในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ
**ถ้าผิวหน้ามีความมันทั่วทั้งใบหน้า ก็แสดงว่าคุณเป็นคนผิวมัน
**ถ้าคุณเห็นความมันเฉพาะบริเวณที-โซน ก็แสดงว่าคุณมีผิวผสม
**ถ้าคุณมองไม่เห็นความมันเลย ก็แสดงว่าคุณยังมีผิวปกติ
หรือถ้าผิวหน้าของคุณจะรู้สึกตึงๆ หรือลอกเป็นขุยขาวๆ ก็แสดงว่าคุณเป็นคนผิวแห้ง

เร่งการเผาผลาญด้วย..น้ำดื่ม


ในร่างกายของเรามีน้ำเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของร่างกาย แต่ทำไมดื่มน้ำเป็นลิตรจึงไม่อ้วน แถมการดื่มน้ำมากๆ ยังช่วยลดไขมันในร่างกายได้อีกด้วย การดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ทุกวันเพื่อสุขภาพที่ดีเป็นสิ่งที่เราทราบกันดี แต่ดื่มน้ำยังช่วยในการละลายไขมันอีกด้วย เพราะตามปกติแล้วการดื่มน้ำในปริมาณที่ร่างกายต้องการ จะช่วยให้ตับทำงานได้เต็มที่ ซึ่งหน้าที่หลักของตับนั้นก็จะช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันที่สะสมอยู่ตามซอกหลืบของร่างกายให้เปลี่ยนเป็นพลังงานได้และน้ำก็ยังเป็นตัวการสำคัญที่ช่วยให้การเผาผลาญไขมันดีขึ้น แต่ถ้าร่างกายขาดน้ำก็จะทำให้ตับทำงานไม่เต็มที่ การเผาผลาญไขมันก็ลดลงด้วย

การดื่มน้ำน้อยจึงส่งผลให้การเผาผลาญไขมันทำได้น้อย อาหารที่กินเพิ่มเข้าไปจะไปเพิ่มการสะสมไขมันในร่างกายมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการพยายามดื่มน้ำให้มากขึ้นอีกนิด เพื่อช่วยลดการสะสมของไขมันก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจใช่ไหม

หากบเหลาดีๆ เพื่อเหลาดินสอเสริมความงาม

woman_applying_eyeliner.jpg  

อุปกรณ์ความงามชิ้นสำคัญอีกหนึ่งอย่างที่สาวๆ มักจะลืมนึกถึงหรือไม่ได้ให้ความสนใจเท่าที่ควรนั่นก็คือ “กบเหลาดินสอ”มีคำแนะนำดีๆ เวลาเลือกซื้อกบเหลาดินสอเขียนขอบตา ดินสอเขียนขอบปากหรือดินสอเขียนคิ้ว รวมทั้งเทคนิคการเหลาดินสอเหล่านี้ไม่ให้หักคาแท่งและใช้ได้คุ้มค่าคุ้มราคา
00118b.jpg
1.อย่าใช้กบเหลาดินสอไม้ทั่วไป ให้ระวังยังไงก็หักอยู่ดี เพราะองศาของใบมีดต่างจากกบเหลาเครื่องสำอาง
2.ถ้าใช้ดินสอเขียนขอบปากหรือขอบตาแบบที่แท่งอ้วนๆ ก็จะมีกบบางรุ่นเท่านั้นที่มีรูเฉพาะให้เหลาได้
3.อีกกรณีก็คือเนื้อไม้ของดินสอที่ใช้บางยี่ห้อ จะละเอียดและเปราะมาก ถ้าเหลามือด้วยคัตเตอร์ มีโอกาสพลาดหักได้ง่ายเหมือนกัน…เสียดายของ
4.เอาดินสอเสริมความงามเหล่านี้ไปแช่ไว้ในช่องแช่แข็งประมาณ 15-20 นาที จากนั้นจึงค่อยนำมาเหลาตามปกติ ไส้ข้างในก็จะไม่หักคากบเหลาดินสออีกต่อไป
ลงทุนซื้อกบเหลาดินสอคุณภาพดีๆ สักตัวดีกว่า พอใช้ไปสักพัก รู้สึกว่าเริ่มทื่อหรือมีสนิมก็ควรเปลี่ยนใช้อันใหม่ แนะนำให้เลือก กบเหลาดินสอขนาดมาตรฐาน ใบมีดบาง คมและแข็งแรง สามารถเหลาได้ทุกเนื้อไม้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่หักระหว่างเหลาให้ปวดใจเค่ะ

นอนท่าผิดมีสิทธิ์หน้ายับนะ


ท่านอนผิดๆ สามารถฝากรอยย่นบนใบหน้าได้เช่นกัน และรอยย่นที่เกิดจากท่านอนนี้มีทั้งรอยย่นบริเวณใบหน้า บริเวณลำคอ รวมถึงหน้าอก สาวที่ชอบนอนตะแคง นอนคว่ำ ตอนเด็กๆ ตื่นขึ้นมาแป๊บเดียวรอยยับรอยย่นก็หายไป แต่พอเราอายุมากขึ้น รอยย่นรอยยับที่เกิดขึ้นก็จะอยู่นานหลายชั่วโมง และพอทำบ่อยๆ ซ้ำๆ ที่เดิมเป็นประจำ รอยย่นรอยยับนี้ก็จะอยู่ถาวรตลอดกาล เช่นเดียวกับคนที่ทำงานก้มคอเสมอก็จะมีรอยย่นบริเวณคอชัดเจน ส่วนคนชอบนอนตะแคงจะมีรอยย่นบริเวณแถวหน้าอกกับบริเวณคอเหมือนกัน ท่านอนที่ถูกต้องควรเป็นท่าหงาย ศีรษะต้องอยู่ในระนาบเดียวกัน อยากนอนตะแคงก็ควรจะกอดหมอนข้างที่ขนาดความสูงของหมอนพอๆ กับความกว้างของลำตัวเรา
ถ้าฝึกนอนให้ถูกวิธีก็จะสามารถป้องกันรอยย่นจากการนอนได้ค่ะ

ทำผมเปียให้เป็นผมลอนสวยปิ๊ง

ต่อไปนี้คุณไม่ต้องเสียเวลามากตอนเช้าๆ ในการนั่งม้วนผมเป็นลอนก่อนไปทำงาน ด้วยเทคนิคเหล่านี้ช่วยให้คุณสามารถเตรียมตัวและจัดการกับเส้นผมหลังสระยามค่ำคืน และตื่นขึ้นมาพร้อมผมลอนสลวยอย่างเป็นธรรมชาติสุดๆ เทคนิคนี้เหมาะสำหรับคนที่มีผมยาวระดับไหล่ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเวลากับการใช้คีมม้วนผมในตอนเช้า

  braiding-hairstyle.jpg


1.ทามูสเนื้อบางเบาจากรากจรดปลายผม เพื่อช่วยให้ผมอยู่ทรงเมื่อแห้งแล้ว 2.แบ่งผมจากโคนถึงต้นคอทั้งสองข้างให้เท่ากัน
3.ถักเปียแต่ละข้าง โดยถักจากกึ่งกลางเส้นผมลงมา การถักเปียสูงเกิน
   ไปจะทำให้โคนผมหงิกงอไม่เข้ารูป4.มัดปลายผมให้แน่นด้วยยางรัดผม
5.แกะเปียออกแล้วใช้นิ้วสางผมในตอนเช้า และฉีดสเปรย์เนื้อบางเบาพร้อมใช้นิ้ว
   ขยำเส้นผมเพื่อเน้น ลอนผมให้เด่นชัดยิ่งขึ้น

อยากมีบั้นท้ายสวย บริหารแค่ไม่กี่นาที

ผู้หญิงธรรมดาอย่างเราก็มีสะโพกกลมกลึงเหมือนนางแบบได้ แค่บริหารวันละไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง 

รูปภาพ : อยากมีบั้นท้ายสวย บริหารแค่ไม่กี่นาที
ผู้หญิงธรรมดาอย่างเราก็มีสะโพกกลมกลึงเหมือนนางแบบได้ แค่บริหารวันละไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง 

1. ยืนตัวตรงหันหน้ากำแพง 

2. ใช้ มือดันกำแพงไว้เพื่อทรงตัว แล้วยกข้อเท้าขวาวางไว้เหนือหัวเข่าซ้าย ค่อยๆ ย่อตัวลงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่าลืมยืดหลังตรงเสมอ ค้างไว้ 10 วินาที 

3. ทำติดต่อกัน 15 ครั้ง ทุกครั้งที่ย่อตัวต้องเกร็งหน้าท้องเพื่อเก็บสะโพก 

4. เปลี่ยนข้าง เอาข้อเท้าซ้ายวางเหนือเข่าขวาแล้วทำเหมือนเดิม 

ที่มา : ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก healthcorners.com, bloggang.com

1. ยืนตัวตรงหันหน้ากำแพง

2. ใช้ มือดันกำแพงไว้เพื่อทรงตัว แล้วยกข้อเท้าขวาวางไว้เหนือหัวเข่าซ้าย ค่อยๆ ย่อตัวลงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่าลืมยืดหลังตรงเสมอ ค้างไว้ 10 วินาที

3. ทำติดต่อกัน 15 ครั้ง ทุกครั้งที่ย่อตัวต้องเกร็งหน้าท้องเพื่อเก็บสะโพก

4. เปลี่ยนข้าง เอาข้อเท้าซ้ายวางเหนือเข่าขวาแล้วทำเหมือนเดิม

วันอังคาร, มีนาคม 19, 2556

" 3 ค ควบคุมหุ่น "

วิธีง่าย ๆ ที่ช่วยคุณควบคุมขนาดหุ่นได้ เพียงทำควบคู่ไปกับการเลือกกินอาหารที่เหมาะสม ออกกำลังให้ร่างกายได้เผาผลาญพลังงานบ้างเท่านั้น 3 ค ที่ว่านี้มีอะไรบ้างไปดูกันค่ะ
ค.เคี้ยว
เคี้ยวอาหารช้า ๆ และละเอียดช่วยให้เรากินได้ช้าลง มีเวลาให้สมองส่งสัญญาณให้ร่างกายรู้สึกอิ่มได้ก่อนที่เราจะกินอาหารเข้าไปมากมาย ผลคืออิ่มเร็ว กินได้น้อยลง และยังดีกับระบบย่อยที่ไม่ต้องทำงานหนัก และยังช่วยกระตุ้นพลังแห่งการขบคิดและสมาธิด้วย

ค.คู่
ตะเกียบ 1 คู่ เปลี่ยนจากการใช้ช้อนมาใช้ตะเกียบเป็นอาวุธคู่ใจในการกินแทนสิคะ เพราะตะเกียบจะทำให้เรากินด้วยคำที่เล็กลง เคี้ยวได้ละเอียดขึ้น ใช้เวลากินนานขึ้น พลอยให้กินได้น้อยลง และทำให้กระเพาะย่อยได้ง่ายขึ้น

ค.ค่ำ
มื้อค่ำพอเหมาะทั้งชนิดอาหาร ปริมาณและช่วงเวลา คือ กินอาหารหลากหลายเน้นผักผลไม้ เลี่ยงไขมันและโปรตีนย่อยยากอย่างเนื้อและของทอด มาเป็นโปรตีนย่อยง่าย เช่น ปลา กินอาหารช่วงก่อนเข้านอน 4-6 ชั่วโมงและกินในปริมาณน้อยแค่พออิ่มค่ะ

เคล็ดลับควรทำเพื่อผมงามนุ่มสลวย

ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เราจะเป็นเจ้าของเรือนผมนุ่มสลวยเงางามสุขภาพดีจรดปลายเส้น เราจึงนำเคล็ดลับจากเหล่าแฮร์สไตลิสต์ตัวแม่มาฝาก..

healthy-hair-care-tips-for-women-500x4651.jpg

1.ตัดผมใหม่เป็นประจำ นี่คือสิ่งที่คุณควรทำ แม้จะอยากเลี้ยงผมให้ยาวขึ้นเรื่อยๆ ก็เถอะ คุณอาจตัดผมทรงใหม่ หรือถ้าไม่อยากเปลี่ยนทรง อย่างน้อยก็แค่ไปเล็มผมเป็นประจำเพื่อให้ผมเข้าทรงเป็นที่เป็นทาง และช่วยขจัดผมเสียแตกปลายออกไปด้วย
2.นวดผม การนวดผมทั้งแบบแห้งหรือแบบออยล์ร้อนเป็นวิธีที่ช่วยให้ผมดูสวยและแข็งแรงสุขภาพดี แม้ในช่วงอากาศแห้งหรือร้อนจัด ลองใช้พวกออยล์ดูนะคะ เพราะออยล์มีคุณค่าบำรุงบนเส้นผมโดยไม่ต้องอบไอน้ำ พร้อมซ่อมแซมเกล็ดผมชั้นนอกที่ปริแยกแตกให้เรียบลื่น ช่วยให้ผมแลดูมีสุขภาพดีขึ้น
3.เลือกยางรัดผมให้เหมาะ ใช้ยางรัดผมสำหรับมัดผมโดยเฉพาะ เพื่อไม่ให้ผมพันกันหรือทำให้หนังศีรษะตึงเกินไป
4.แปรงผมให้ถูกวิธี อย่าหวีผมขณะที่ผมเปียก การหวีหรือแปรงผมจะช่วยสางผมที่พันกันและดึงเอาน้ำมันส่วนเกินออกไปได้ แต่หากหวีบ่อยเกินไปก็อาจทำให้ผมขาดได้เหมือนกัน
5.อย่าตามแฟชั่นนัก การตามเทรนด์ไม่ว่าจะยืดผมหรือดัดผม ความสวยที่ได้อาจไม่คุ้มค่ากับการที่ผมเสียขั้นรุนแรงจากสารพัดสารเคมีนะคะ

หัวเข่าด้านดำทำไงดี?

หัวเข่าด้านและดำ อีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของสาวที่รักการนุ่งสั้นโชว์เรียวขาสวยๆ จะใส่มินิสเกิร์ตหรือกางเกงขาสั้นครั้งใด ก็รู้สึกขาดความมั่นใจยิ่งนัก...ไม่ต้องกังวลใจอีกแล้วค่ะ เรามีวิธีแก้หัวเข่าด้านดำอย่างง่ายๆ มาฝากแล้ว



ผิวหนังบริเวณหัวเข่ามีต่อมน้ำมันอยู่น้อยมากจึงเกิดอาการแห้งได้ง่าย และถ้าคุณต้องคุกเข่าทำอะไรเป็นประจำด้วยแล้วล่ะก็ ผิวบริเวณหัวเข่าก็จะยิ่งหยาบกร้านมากขึ้นจนดูน่าเกลียด การฟื้นฟูผิวบริเวณหัวเข่าให้กลับมาดูเนียนนุ่มขึ้นได้โดยผสมน้ำมันทาตัว (หรือจะใช้น้ำมันมะกอกก็ได้) ครึ่งถ้วยกับน้ำตาลทราย 4-5 ช้อนโต๊ะ ทำผิวให้เปียกน้ำหรือจะอาบน้ำก่อนก็ได้ จากนั้นก็ใช้น้ำตาลขัดผิวที่ผสมไว้นั้น นวดลงบนผิวบริเวณหัวเข่าเป็นแนววงกลม น้ำตาลจะช่วยลอกสะเก็ดผิวแห้งๆ ออก ขณะที่น้ำมันจะช่วยทำให้ผิวนุ่มนวลขึ้น หรือจะใช้สครับขัดผิวกาย ช่วยผลัดผิวเสื่อมสภาพอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็ล้างออกด้วยเจลอาบน้ำเมื่อเช็ดผิวให้แห้งแล้วก็อย่างลืมทาครีมชนิดบำรุงเข้มข้น เพื่อปรับสภาพผิวบริเวณเข่าที่มีปัญหาดำคล้ำ หยาบกร้านให้กลับดูเนียนนุ่ม น่าสัมผัสและขาวกระจ่างใสขึ้น
ถ้าคุณทำแบบนี้สัปดาห์ละครั้ง ก็น่าจะเห็นผลภายในหนึ่งเดือนค่ะ

เครื่องออกกำลังที่มีสายเขย่าเอว ช่วยลดพุงได้จริงหรือ?

เห็นหลายคนชอบใช้เครื่องออกกำลังที่มีสายเขย่าเอว เพื่อช่วยลดพุงส่วนเกินที่ไม่พึงประสงค์ แต่ก็พลางให้สงสัยว่า เจ้าอุปกรณ์ช่วยสั่นพุงนี้จะช่วยลดพุงได้จริง ๆ หรือ ลองมาค้นหาคำตอบ จาก พญ.อยุทธินีส สิงหโกวินท์ แพทย์หัวหน้าศูนย์เบาหวาน และต่อมไร้ท่อ โรงพยาบาลพญาไท 2 ด้วยกันเลยค่ะ 


รูปภาพ : !!!เครื่องออกกำลังที่มีสายเขย่าเอว ช่วยลดพุงได้จริงหรือ?

เห็นหลายคนชอบใช้เครื่องออกกำลังที่มีสายเขย่าเอว เพื่อช่วยลดพุงส่วนเกินที่ไม่พึงประสงค์ แต่ก็พลางให้สงสัยว่า เจ้าอุปกรณ์ช่วยสั่นพุงนี้จะช่วยลดพุงได้จริง ๆ หรือ ลองมาค้นหาคำตอบ จาก พญ.อยุทธินีส สิงหโกวินท์ แพทย์หัวหน้าศูนย์เบาหวาน และต่อมไร้ท่อ โรงพยาบาลพญาไท 2 ด้วยกันเลยค่ะ  

"จริง ๆ แล้วเครื่องที่เขย่ามันทำให้ไขมันของเรามีการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว มีการไหลเวียนของเลือดมากขึ้น แน่นอนว่า ปริมาณไขมันลดลงได้ แต่เราจะไม่ได้สิ่งที่ต้องการจริง ๆ จากการออกกำลังกาย ซึ่งนอกจากสัดส่วนที่ดีแล้ว เรายังต้องการสุขภาพที่ดีด้วย โดยเฉพาะในเรื่องของหัวใจที่เวลาเราไปวิ่งจะสังเกตได้ว่า หัวใจเต้นแรงมาก อันนั้นคือหัวใจเราได้ออกกำลังกาย แต่ถ้าเราไปยืนให้เครื่องเขย่าไขมันอาจจะได้แค่เขย่า แต่หัวใจเรายังเต้นเหมือนเดิม" คุณหมอ ชี้แจง พร้อมกับแนะนำว่า 

"อย่าหาข้ออ้างที่จะไม่ออกกำลังกาย แต่ควรออกกำลังกายด้วยตัวเองดีที่สุด" ^^

ที่มา : ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก kapook.com

"จริง ๆ แล้วเครื่องที่เขย่ามันทำให้ไขมันของเรามีการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว มีการไหลเวียนของเลือดมากขึ้น แน่นอนว่า ปริมาณไขมันลดลงได้ แต่เราจะไม่ได้สิ่งที่ต้องการจริง ๆ จากการออกกำลังกาย ซึ่งนอกจากสัดส่วนที่ดีแล้ว เรายังต้องการสุขภาพที่ดีด้วย โดยเฉพาะในเรื่องของหัวใจที่เวลาเราไปวิ่งจะสังเกตได้ว่า หัวใจเต้นแรงมาก อันนั้นคือหัวใจเราได้ออกกำลังกาย แต่ถ้าเราไปยืนให้เครื่องเขย่าไขมันอาจจะได้แค่เขย่า แต่หัวใจเรายังเต้นเหมือนเดิม" คุณหมอ ชี้แจง พร้อมกับแนะนำว่า 

"อย่าหาข้ออ้างที่จะไม่ออกกำลังกาย แต่ควรออกกำลังกายด้วยตัวเองดีที่สุด" 

กระชับพื้นที่ตึงๆ ให้ลำคอบ้าง

มีสาวๆ หลายคนถูกทักว่าหน้าตึ๊งตึงแต่ทำไมคอเหี่ยวจัง!!!
คุณอย่าลืมว่าผิวบริเวณลำคอก็ต้องการการปรนนิบัติบำรุงเช่นเดียวกับผิวหน้าค่ะ ดังนั้นเวลาที่บำรุงผิวหน้า ควรจะรวมพื้นผิวบริเวณลำคอเข้าไปด้วย

which-female-erogenous-zones-do-you-need-to-know-621832695-oct-24-2012-1-600x400.jpg

เริ่มจากการทำความสะอาด และทาครีมบำรุงผิวลูบไล้ขึ้นอย่างนุ่มนวล เช่นเดียวที่คุณปฏิบัติต่อผิวหน้า เนื่องจากผิวบริเวณลำคอมีสภาพผิวที่บอบบางและแห้งกว่าใบหน้า ครีมบำรุงที่ใช้จึงควรมีความเข้มข้น โดยเฉพาะในช่วงเวลางกลางคืน ควบคู่กับผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีค่า SPF 15 หรือมากกว่าเป็นประจำ จะช่วยชะลอริ้วรอยและอาการหย่อนยานบริเวณลำคอได้ แนะนำเป็นพวกเซรั่มบำรุงกลางคืน เพื่อฟื้นฟูและชะลอความหย่อนคล้อยให้ผิวกระชับเนียนตึง สำหรับผิวแห้งและขาดน้ำ พร้อมกันนั้นการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รวมไปถึงการนวดผิว เพราะการนวดไม่เพียงแต่กระตุ้น การไหลเวียนของโลหิตเท่านั้น แต่จะทำให้ผิวสดใสได้อีกด้วย การนวดอย่างถูกวิธีเป็นประจำทุกสัปดาห์ จะช่วยกระชับผิวบริเวณคางและลำคอที่เริ่มห้อยย้อยให้กระชับขึ้นได้ค่ะ

วันจันทร์, มีนาคม 18, 2556

อาหาร 9 อย่าง ที่ไม่ทำให้อ้วนอย่างที่คิด

หลาย ๆ คนอาจจะปักใจเชื่อว่า เนย นม ชีส หรือ ช็อกโกแลต เป็นตัวการทำให้อ้วนแน่นอน แต่เราขอบอกว่า จริง ๆ แล้ว คุณสามารถกินของพวกนี้ได้โดยไม่ทำให้อ้วนอย่างที่คิดเลยล่ะ แถมยังดีต่อสุขภาพ และช่วยรักษาน้ำหนักให้คงที่ได้ด้วย ฮั่นแน่! ชักสนใจขึ้นมาแล้วล่ะสิ อยากจะเอาไปเป็นไอเดียฟิตหุ่นใช่ไหมล่ะ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรีบมาเช็กลิสต์ข้างล่างนี้กันโดยด่วนแล้วล่ะ

อาหาร
1. ขนมปัง
ไม่ได้ทำให้อ้วนอย่างที่ใคร ๆ คิดกันหรอกค่ะ เพราะการที่คุณกินขนมปังโฮลวีตแผ่นบาง ๆ สัก 2-3 แผ่น โดยไม่ทาเนย หรือแยม จะช่วยให้อิ่มท้องได้นาน และไม่เกิดอาการหิวอยู่บ่อย ๆ

2. ช็อกโกแลต
ใครบอกว่ากินช็อกโกแลตแล้วอ้วน ของอย่างนี้มันขึ้นอยู่กับประเภทของช็อกโกแลตแต่ละชนิดต่างหากล่ะ เพราะยังมีช็อกโกแลตที่มีไขมันต่ำอย่าง ดาร์ก ช็อกโกแลต ให้เลือกกินยังไงล่ะ

3. นมและผลิตภัณฑ์จากนม
จากการศึกษาพบวา คนที่กินโยเกิร์ตไขมันต่ำ และนมพร่องมันเนยจะสามารถลดน้ำหนักได้ถึง 22%เลยทีเดียว แถมยังลดไขมันในร่างกายได้ถึง 61% และลดไขมันหน้าท้องได้อีก 81% ภายในระยะเวลาเพียง 12 สัปดาห์เท่านั้น (เห็นไหม น่าสนไหมล่ะ)

4. อะโวคาโด
ถึงแม้ว่าอะโวคาโดจะมีไขมันสูงก็ตาม แต่ไขมันนั้นก็เป็นชนิด Monounsaturated นะจ๊ะ ซึ่งดีต่อสุขภาพเรามาก ๆ เพราะมีสารต้านแอนตี้ออกซิแดนท์อย่าง Glutathione ซึ่งจะไปบล็อกการดูดซึมไขมันบางตัวที่เป็นต้นเหตุของการเกิดอนุมูลอิสระ จึงช่วยป้องกันริ้วรอย และมะเร็งบางชนิดได้ด้วย

5. น้ำตาล
การดื่มชาหวาน ๆ หรือขนมรสหวานจะช่วยระงับความหิวลงได้ แต่จะต้องอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมนะคะ ถ้าไม่อยากให้อ้วน ซึ่ง 1 วัน คุณควรรับน้ำตาลเข้าไปเพียง 4 ช้อนโต๊ะเท่านั้น (ข้อมูลนี้ไม่รวมถึงน้ำตาลที่อยู่ในนมและผลไม้นะจ๊ะ)
6. มันฝรั่ง
เป็นที่รู้อยู่แล้วว่า มันฝรั่งมีคาร์โบไฮเดรตสูงมาก ๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของความอ้วน แต่จริง ๆ แล้วไม่เลยค่ะ กลับทำให้ผอมลงซะอีก เพราะมันจะช่วยทำให้เราอิ่มท้องได้นาน โดยไม่รู้สึกนึกอยากกินจุบกินจิบขึ้นมายังไงล่ะ

7. ถั่ว
ถึงแม้ว่าถั่วจะมีไขมันอยู่ถึง 50% เลยทีเดียว แต่ไขมันที่ว่านี้มีไขมันเลวผสมอยู่น้อยมาก ๆ เพราะฉะนั้น ยิ่งกินจึงยิ่งดีต่อสุขภาพ สำหรับปริมาณที่แนะนำใน 1 วัน ไม่ควรกินถั่วเกิน 1 กำมือของตัวคุณเอง ไม่เช่นนั้น ความอ้วนจะถามหาเอาได้ค่ะ

8. ชีส
จะอ้วนหรือไม่ขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณที่กินต่อวันค่ะ ถ้าคุณเลือกกินชนิด Cheddar หรือ Blue Vein จะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เพราะจัดอยู่ในกลุ่มที่มีไขมันสูง แต่ถ้าคุณเลือกกิน Fetta, Ricotta และ Cottage Cheese ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มที่มีไขมันต่ำก็ไม่ทำให้อ้วนกันหรอกค่ะ

9. กล้วย
หลาย ๆ คนเชื่อว่าการกินกล้วยจะยิ่งทำให้อ้วน แต่จริง ๆ แล้วไม่เลยค่ะ เพราะถึงแม้จะมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตสูงกว่าผลไม้อื่น ๆ ก็ตาม แต่มันมีค่า Glycaemic Index (GI) อยู่ที่ 55 ซึ่งถือว่าต่ำ มีผลให้ระดับอินซูลินโดยรวมต่ำลง ทำให้รู้สึกอิ่มนานและยืดเวลาความอยากอาหารออกไปค่ะ

ทานอาหารอย่างไร...ให้รู้สึกอิ่มแบบพอดี

ทำอย่างไรให้คุณรับประทานอาหาร 1 จาน รู้สึกอิ่มมากกว่าที่คุณรับประทานอาหาร 4 จาน



อันดับแรก ทานอาหารให้ครบทุกมื้อ อย่าอดอาหาร โดยคุณสามารถเลือกรับประทานอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำในแต่ละมื้อโดยแบ่งออกให้เป็นมื้อเล็กๆ มากขึ้น เพื่อไม่ให้หิว เพราะถ้าหิว คุณจะทานอาหารมากขึ้น แคลอรี่ก็จะมากขึ้น และสิ่งที่ทานเข้าไปจึงเป็น "อะไรก็ได้ เพราะหิว... แทนที่จะเป็น "อาหารที่ดีต่อสุขภาพ"

อับดับต่อมา ตักอาหารเท่าที่จำเป็น
การตักอาหารก็เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะกว่าสัญญาณจะไปถึงสมองแล้วรับรู้ว่า " อิ่ม " จะใช้เวลา 20 ถึง 30 นาที ถ้าคุณรับประทานอย่างมูมมาม กว่าสัญญาณจะไปถึงสมองคุณก็รับประทานไป 4 จานแล้ว แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าคุณทานอาหารโดยการเคี้ยวช้าๆ เมื่อคุณรับประทานอาหาร หมดจาน คุณก็จะรู้สึกอิ่มพอดี
เทคนิควิธีง่าย ๆ ที่ช่วยไม่ให้ทานเยอะเกินไป น่าจะช่วยให้คุณควบคุมน้ำหนักได้ดีขึ้น

บริหารลดคาง 2 ชั้น

สาวๆคนไหนที่เจ้าเนื้อ คางของคุณงอกแต่ไม่งาม เพิ่มชั้นเป็นคอนโดฯ วันนี้เรามีเทคนิคสลายคางชั้นที่ 2 มาฝากกัน ทำได้ไม่ยากและทำได้ทุกที่ที่คุณนึกได้และมีเวลา!

รูปภาพ : ^^สาวๆคนไหนที่เจ้าเนื้อ คางของคุณงอกแต่ไม่งาม เพิ่มชั้นเป็นคอนโดฯ  วันนี้เรามีเทคนิคสลายคางชั้นที่ 2 มาฝากกัน ทำได้ไม่ยากและทำได้ทุกที่ที่คุณนึกได้และมีเวลา!

เริ่มกันที่ท่าเตรียมพร้อม

* เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย

* เหยียดริมฝีปากล่างออกให้เต็มที่เพื่อดึงคางลง จนรู้สึกว่ากล้ามเนื้อและผิวหนังที่บริเวณลำคอทั้งสองข้างตึง เกร็งค้างไว้ นับ 1-2-3 แล้วคลาย

*เพิ่มแรงต้านด้วยการวางมือทาบไว้ที่บริเวณคอส่วนล่างค่อนลงไปทางอก ออกแรงดึงและคลายเป็นจังหวะเดียวกับท่าบริหาร

*ทำซ้ำหลาย ๆ ครั้ง เป็นประจำทุกวันไม่นานคางส่วนเกินของคุณก็จะลดการหย่อน

ขอบคุณ : ที่มาของข้อมูลและรูปภาพจาก she's smart, kapook.com

เริ่มกันที่ท่าเตรียมพร้อม
  • เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย
  •  เหยียดริมฝีปากล่างออกให้เต็มที่เพื่อดึงคางลง จนรู้สึกว่ากล้ามเนื้อและผิวหนังที่บริเวณลำคอทั้งสองข้างตึง เกร็งค้างไว้ นับ 1-2-3 แล้วคลาย
  • เพิ่มแรงต้านด้วยการวางมือทาบไว้ที่บริเวณคอส่วนล่างค่อนลงไปทางอก ออกแรงดึงและคลายเป็นจังหวะเดียวกับท่าบริหาร
  • ทำซ้ำหลาย ๆ ครั้ง เป็นประจำทุกวันไม่นานคางส่วนเกินของคุณก็จะลดการหย่อน

การผ่าตัดกระเพาะรักษาโรคอ้วน

คนที่เป็นโรคอ้วน นอกจากรูปร่างที่อุ้ยอ้าย อึดอัดแล้ว มักได้รับโรคอื่นๆคุกคามตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ อัมพฤกษ์ อัมพาต ทำให้อายุสั้นกว่าคนทั่วไปเป็นสองเท่า การผ่าตัดลดความอ้วนจึงเป็นทางเลือกในการรักษาโรคอ้วนที่มีประสิทธิภาพ สามารถลดความเสี่ยงการเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคเหล่านี้ได้ หากการควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และการกินยาลดความอ้วนไม่ได้ผล หรือลดน้ำหนักได้แล้วกลับเกิดภาวะน้ำหนักเกินขึ้นมาใหม่ 

ปัจจุบันการผ่าตัดลดความอ้วนได้พัฒนาวิธีการเป็น Minimally Invasive Surgery โดยการผ่าตัดผ่านกล้อง มี 3 วิธีด้วยกัน

วิธีที่ 1   การผ่าตัดลดความอ้วนแบบใช้เข็มขัดรัดกระเพาะอาหาร (Gastric Banding) โดยใช้วิธีการเจาะแผลเล็กๆที่หน้าท้อง ใช้อุปกรณ์ลักษณะคล้ายเข็ดขัดสอดเข้าไปรัดกระเพาะอาหารตอนบน ทำให้กระเพาะอาหารมีขนาดเล็กลง รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น เป็นวิธีการผ่าตัดที่ได้ผลดี เมื่อน้ำหนักตัวคงที่ สามารถกลับมาแก้ไขนำสายรัดกระเพาะออกได้ในภายหลัง 

วิธีที่ 2   การผ่าตัดลดขนาดของกระเพาะลง (Sleeve Gastrectomy) โดยตัดกระเพาะออกไปประมาณ 85% ทำให้ทานอาหารได้น้อยลงเพราะตัดกระเพาะส่วนที่ผลิต Hormone ที่ทำให้เกิดการหิวออกไป เป็นการผ่าตัดที่เป็นที่นิยมมากในขณะนี้ เพราะไม่ต้องตัดต่อกับลำไส้เล็กและผู้ป่วยจะไม่เป็นโรคขาดสารอาหารจากการผ่าตัดนี้ ผู้ป่วยจะสามารถลดน้ำหนักได้ถึง 40-60 % ของน้ำหนักเดิมในปีแรกหลังผ่าตัด และเป็นการรักษาโรคข้างเคียง เช่น เบาหวาน ไขมัน ความดันไปในตัวด้วย ไม่มีข้อจำกัด ..เด็กอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปก็สามารถผ่าตัดด้วยวิธีนี้ได้

วิธีที่ 3  การผ่าตัดลดความอ้วนแบบตัดต่อกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก (Gastric Bypass) ด้วยวิธีการส่องกล้องเข้าไปตัดเย็บกระเพาะอาหารให้มีขนาดเล็กลง ตัดตอนลำไส้เล็กมาเชื่อมต่อใหม่ให้อาหารไหลผ่านทางลัดไปสู่ลำไส้เล็กตอนปลายเร็วขึ้น ทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลง อาหารถูกดูดซึมได้น้อยลง จึงสามารถควบคุมน้ำหนักได้อย่างรวดเร็ว เป็นวิธีการควบคุมโรคอ้วนแบบถาวร ไม่สามารถแก้ไขคืนภายหลังได้ หลังการผ่าตัดลดน้ำหนักพบว่าเปอร์เซ็นต์ของโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ภาวะหายใจลำบาก และโรคหัวใจ มีอาการดีขึ้นอย่างชัดเจน

การผ่าตัดลดความอ้วนด้วยวิธี Minimally Invasive Surgery จะช่วยให้ปลอดภัยจากภาวะแทรกซ้อนได้มากกว่าการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง

ขอบคุณข้อมูลจาก   นพ.ณรงค์ จรัสวิโรจน์
 ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ
 รักษาผู้ป่วยโรคอ้วน ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์

ลองแต่งปากแซ่บเว่อร์รับซัมเมอร์ดูมั้ย?

สปริง/ซัมเมอร์นี้ เทรนด์ทาปากสีสดแซบๆ เด้งๆ อย่างสีแดง สีส้ม หรือสีชมพูสด กลับมาอีกครั้ง แล้วถ้าคุณอยากให้ปากดูสวยทนนานด้วยลิปสติกสีเหล่านี้ละก็ ลองใช้วิธีการเหล่านี้ดูสิ

Giles-Spring-2013-beauty-3.jpg Burberry-Prorsum-Spring-2013-beauty-2.jpg 

Step 1 การทาลิปสติกสีสดๆ ให้สวยนั้น คุณจำเป็นต้องมีริมฝีปากที่เรียบเนียน ลองใช้ผ้าขนหนูนุ่มๆ จุ่มน้ำอุ่น บีบให้แห้งหมาด นำมาถูริมฝีปากเป็นแนววงกลมประมาณครึ่งนาที แล้วซับให้แห้ง หรือจะใช้สครับเม็ดละเอียดขัดริมฝีปากซะก่อน แนะนำ จากนั้นนั้นทาผลิตภัณฑ์บำรุงริมฝีปากที่มีความเข้มข้นสูงบำรุงความชุ่มชื้นสัก 2-3 นาทีก่อนทาลิปสติก แนะนำเป็นลิปบาล์มเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้ริมฝีปากที่แห้งแตก หยาบกร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเรียวปากชุ่มชื่นอย่างเต็มที่

Step 2 ใช้ดินสอเขียนปากแท่งโปรดวาดขอบปาก แล้วใช้ดินสอแท่งเดียวกันแต่งเติมสีให้ทั่วริมฝีปาก ดินสอเขียนขอบปากคือตัวการสำคัญที่ทำให้ลิปสติกติดทนนาน เสร็จแล้วใช้กระดาษทิชชู่ซับเบาๆ

Step 3 ทาลิปสติกรอบแรกลงไป ใช้กระดาษทิชชูซับเบาๆ อีกครั้ง จากนั้นทาลิปสติกรอบที่สอง ตบท้ายด้วยใช้แปรงแต่งหน้ากดแป้งฝุ่นโปร่งแสงทับลงไปเบาๆ วิธีนี้จะช่วยให้ลิปสติกติดนานเป็นชั่วโมงๆ เลยทีเดียวค่ะ

วันอาทิตย์, มีนาคม 17, 2556

โยคะ..เพิ่มความสูง

เชื่อหรือไม่คะว่าการทำโยคะทุกๆ วันสามารถทำให้คุณมีสุขภาพที่ดีได้ และไม่ใช่เพียงแค่สุขภาพที่ดีเท่านั้นที่คุณจะได้รับจากการทำโยคะ แต่หุ่นสวยที่มีความพอดีไม่ต้องพึ่งยาลดความอ้วนก็จะเป็นอีกสิ่งที่คุณจะได้ รับจากการเล่นโยคะเช่นกัน มากไปกว่านั้นคุณสาวๆ ที่กำลังประสบปัญหาเรื่องความสูง ควรฟังทางนี้ ....การทำโยคะสามารถช่วยให้คุณมีความสูงที่เพิ่มมากขึ้นได้เช่นกัน
อาหาร อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คุณมีความสูงที่เพิ่มขึ้นได้แต่การออกกำลังกายใน ท่วงท่าที่ถูกต้องก็สามารถช่วยได้คุณมีความสูงได้มากขึ้นเช่นกัน อาทิตย์นี้เราขอแนะนำท่าโยคะ 3 ท่าง่ายๆ ที่สามารถเพิ่มความสูงของคุณได้โดยไม่ต้องเจ็บตัวหรือเสียเงินแพงๆ สามารถทำได้ที่บ้าน นำไปบอกต่อหรือสอนลูกสาววัยกำลังโตก็ได้เช่นกัน ว่าแล้วก็เริ่มกันเลย
โยคะเพิ่มความสูง
1. ท่าสุขอาสนะ

• เริ่มจากการนั่งขัดสมาธิกับพื้น หงายฝ่ามือทั้งสองข้างบนเข่า กำหนดลมหายใจเข้า-ออกให้ลึกๆ มีความสัมพันธ์กัน ทำแบบนี้อย่างน้อย 5 ครั้ง
• ยกแขนขึ้นให้เหนือศีรษะพร้อมๆ กับสูดลมหายใจเข้า-ออก แล้วค่อยๆ วางแขนลงช้าๆ ในขณะที่ปลอดลมหายใจออกช้าๆ
• ทำซ้ำท่าเดิมแบบนี้ 5-7 ครั้งค่ะ

2. ท่าสามเหลี่ยม

• ยืนแยกขาห่างจากกันประมาณ 90-120 ซม. ให้เท้าทั้งสองข้างขนานกัน
• หันเท้าซ้ายออกจากลำตัว 90 องศา และหันเท้าขวาเข้าหาลำตัว 45 องศาค่ะ
• หายใจเข้าพร้อมกับยกแขนขึ้นจากข้างลำตัวให้ขนานกับพื้น
• หายใจออกพร้อมแนบศรีษะให้ติดกับต้นแขนซ้าย ยืดขาซ้ายให้ตรง หายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ เอนตัวไปทางด้านซ้ายจนสุด
• ยืดแขนซ้ายมาจับข้อเท้าซ้ายและยกแขนขวาขึ้นตั้งตรง แหงนศีรษะมองมือขวาและสูดลมหายใจเข้า-ออก ลึกๆ หลายๆ ครั้ง และทำท่าเดิมทางด้านขวาเช่นกันค่ะ
3. ท่าแมว

• ทำท่าคุกเข่าโดยให้หัวเข่าทั้งสองข้างอยู่ห่างกัน วางมือสองข้างให้ตรงกับหัวไหล่
• สูดลมหายใจเข้าพร้อมยกสะโพกขึ้น เอนตัวและแหงนหน้าขึ้นให้สุด
• ค่อยๆ ยืดตัวตรง และโก่งตัวขึ้น พร้อมกับก้มศีรษะมองลง
• กลับสู่ท่าปกติ และทำแบบนี้ซ้ำท่าเดิมหลายๆ ครั้งค่ะ
ทำ 3 ท่านี้อย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกวันแค่นี้ก็สามารถเพิ่มความสูงให้กับคุณสาวๆ ได้เล็กน้อยพอประมาณแล้วค่ะ