หน้าเว็บ

วันอาทิตย์, มิถุนายน 16, 2556

งาดำ+ข้าวสีนิล สุดยอดขุมพลังแห่งความงาม


รู้ไหมว่าข้าวสีนิลของไทยเรา ถือว่าเป็นสุดยอดของแหล่งสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยชะลอการถูกทำลายของผิวได้ เพราะ Anthocyanin (แอนโทไซยานิน) ในข้าวสีนิล สามารถช่วยป้องกันไม่ให้ผิวหนังปลดปล่อยอิลาสติน เป็นผลให้ผิวหนังไม่สูญเสียความยืดหยุ่น และข้าวสีนิลยังเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีกว่าวิตามิน E ถึง 5 เท่า !!!
ในขณะที่เซซามินในงาดำจะช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดี บำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น ทำให้ผิวดูเปล่งปลั่ง  และการรับประทานทั้งสองอย่างพร้อมๆกัน ก็จะยิ่งทำให้สารต้านอนุมูลอิสระจากทั้งสองแหล่งทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้นแบบคูณสอง ถือเป็น Super Anti-oxidant เลยทีเดียว รู้อย่างนี้แล้ว สาวๆ ที่ทำงานหนัก นอนดึกเป็นประจำ ก็ลองมองหาเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของงาดำและข้าวสีนิล มารับประทานกันดีกว่า จะได้ไม่ต้องกลัวหน้าโทรมยังไงล่ะคะ

วันศุกร์, มิถุนายน 14, 2556

เมนูอาหารที่ไม่ควรทาน!!!

อาหารพวกนี้เรากินกันเป็นประจำ แต่หาได้รู้ว่าล้วนทำมาจากเศษอาหารที่เหลือแล้วมาทำ
ในรูปแบบใหม่ และอาหารที่กินแล้วสะสมในร่างกายก่อให้เกิดสารพิษตกค้าง ทำให้ร่างกายอาหารเหล่านี้มีอะไรบ้างนั้นเราไปดูกัน



แฮมเบอร์เกอร์
เนื่องจากแฮมเบอร์เกอร์ทำมาจากเนื้อส่วนที่เหลือที่แย่ที่สุดจากโรงฆ่าสัตว์ เนื้อส่วนใดที่ขายเป็นส่วนของมันไม่ได้แล้วจะกองอยู่ที่พื้น และนำมาบดทำเป็นเบอร์เกอร์ รวมทั้งกีบ กระดูก จมูก หูและส่วนอื่นๆของมัน เพราะว่าเบอร์เกอร์ทั้งหมดทำมาจากสัตว์
จึงสามารถขึ้นป้ายว่า เนื้อวัวแท้ (Pure beef)แฮมเบอร์เกอร์ทั้งหมดจะใส่สารปรุงรส
(MSG=Monosodium Glutamate) ทำให้ปวดศีรษะและเกิดอาการแพ้ MSG เป็นสารเคมีที่ห้องปฏิบัติการทดลองใช้ช่วยทำให้สัตว์อ้วนขึ้น และท้ายที่สุดก็ทำให้ท่านอ้วนขึ้นด้วย อุตสาหกรรมปศุสัตว์ เป็นผู้ใช้ยาปฏิชีวนะมากที่สุดในโลก เพื่อใช้ในการหักล้างแบคทีเรียที่เป็นอันตรายในเนื้อ

ฮอทด็อก
ที่สำคัญฮอทด็อกทำมาจากเนื้อส่วนที่เหลือที่แย่ที่สุดจากโรงฆ่าสัตว์เช่นกัน เนื้อส่วนใดที่ขายเป็นส่วนของมันไม่ได้แล้วจะกองอยู่ที่พื้น และนำมาบดทำเป็นฮอทด็อก รวมทั้งกีบ กระดูก จมูก สันจมูก หู เล็บและส่วนอื่นๆของมัน เพราะว่าฮอทด็อกทั้งหมดทำมาจากสัตว์
จึงสามารถขึ้นป้ายว่า เนื้อวัวแท้ (Pure beef) หรือ ทำจากไก่งวงแท้ 100%

เฟรนช์ฟราย
เฟรนช์ฟรายเป็นอาหารที่มีความเป็นพิษสูง การทอดเฟร้นช์ฟรายจะทอดกันที่อุณหภูมิสูง
ทำให้มีสารเคมีอะคริลิไมด์(Acrylimides) ออกมาซึ่งรู้จักกันดีว่าเป็นสารก่อโรคมะเร็งและทำลายประสาท

คุกกี้
สิ่งที่เด่นชัดมากก็คือ ส่วนของน้ำตาลมีอยู่สูงถึง 23 กรัมเลยทีเดียว ช็อกโกเล็ตนั้นเป็นสารอาหารรายการสุดท้าย นั่นหมายความว่า มีช็อคโกเล็ตประกอบอยู่น้อยมาก น้ำตาลปริมาณสูงทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่นและเกิดริ้วรอยได้เร็วยิ่งขึ้น


พิซซ่า
สำหรับพิซซ่าในเชิงทางการค้าจะประกอบไปด้วย
อาหารที่มาจากการตัดแต่งทางพันธุ์กรรม 5 ชนิด
- แป้งที่ผ่านการปรุงแต่งให้ขาวที่ได้ทำการฟอกสี ทำให้วิตามินและเกลือแร่ออกไปแล้ว แต่ได้ทำการเติมเกลือแร่สังเคราะห์ตามจำนวนโมเลกุลที่มันเคยมีอยู่เข้าไปใหม่
- เนยแท้ (cheese) เพียง 10% เท่านั้น
- ซอสมะเขือเทศ ทำด้วยสารที่คล้ายมะเขือเทศที่สร้างยาฆ่าแมลงของมันขึ้นมาได้เอง ในร่างกายของท่าน
- แป้งสาลีที่นำมาใช้เป็นแป้งชนิดที่มีการตัดแต่งทางพันธุ์กรรม
- มีน้ำมันฝ้ายประกอบอยู่ด้วย ฝ้ายไม่ได้จัดเป็นพืชพวกอาหาร มันผ่านการสเปรย์ด้วยยาฆ่าแมลงที่ชาวไร่ใช้

น้ำอัดลม
มีสารตัวสำคัญที่มีอยู่ในโค้กก็คือกรดกำมะถัน (Phosphoric acid) ในด้านความเป็นกรดด่าง มันมีความเป็นกรดอยู่สูงมากพอที่จะละลายตะปูได้ภายใน 4 วันกรดที่สะสมอยู่ในร่างกาย ทำให้ยากที่จะทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้

ชิ้นไก่เนี้อนุ่มไม่มีกระดูก
ไก่ไม่มีกระดูกทำมาจากชิ้นส่วนของไก่ที่ไม่ใช้แล้ว น้อยมากที่จะทำมาจากเนื้อขาวจริงๆการรับประทานต่อครั้งโดยทั่วไป จะให้พลังงาน 340 แคลอรี่ 50% เป็นไขมันมีแป้งขนมปังผสมอยู่มาก จึงมีคาร์โบไฮเดรตอยู่สูง มีการเติมสารปรุงรส (MSG=Monosodium Glutamate) ทำให้ปวดศีรษะ

ไอศครีม
ขนมหวานนี้มีไขมันอยู่สูงมาก (ขนาดปกติ 4 ออนซ์) มีไขมันเกินกว่า 50% ของไขมันที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวันมีคาร์โบไฮเดรตอยู่มาก เกือบ 40% ของคาร์โบไฮเดรตที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวันมีน้ำตาลอยู่มาก ทำให้มีความกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้น เป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่


โดนัท
ตามปกติโดยเฉลี่ยแล้ว จะให้พลังงานประมาณ 300 แคลอรี่ ในโดนัทหนึ่งชิ้นมีแป้งคาร์โบไฮเดรตอยู่มากกว่า 50% ของที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน มีเกลือโซเดียมอยู่สูงมาก ทำให้ร่างกายขาดน้ำได้

โปเตโต้ชิพ อาหารขบเคี้ยว
สำหรับการทอดโปเตโต้ชิพจะทอดกันที่อุณหภูมิสูงทำให้มีสารเคมีอะคริลิไมด์ (Acrylimides) ออกมา ซึ่งรู้จักกันดีว่า เป็นสารก่อโรคมะเร็งและทำลายประสาท
กินมันฝรั่งทอดเพียงวันละ 1 ถุง เท่ากับซดน้ำมันพืชปีละ 5 ลิตรเชียวนะ

วันพฤหัสบดี, มิถุนายน 13, 2556

"กล้วยบวชชีสูตรลดน้ำหนัก"

สำหรับสาวๆคนไหนที่กำลังลดน้ำหนัก แต่ชอบทานของหวานวันนี้ มีเมนูขนมหวาน "กล้วยบวชชีสูตรลดน้ำหนัก" มาแนะนำค่ะ รับรองได้ว่าเป็นสูตรเฉพาะของผู้ที่ต้องการจะลดน้ำหนักจริงๆ...!!!!!

ส่วนประกอบของ "กล้วยบวชชีสูตรลดน้ำหนัก" 

1.กล้วยน้ำว้า กึ่งสุกกึ่งดิบ (ห่ามๆ) คือสุกไม่มาก หรือถ้าใครชอบแบบสุกๆ ก็ได้ตามอัธยาศัย ประมาณ 1-2 หวี
2.เกลือป่นเล็กน้อย (ใส่ไปชิมไป)
3.นมสด รสจืด 1 กล่อง (แบบพร่องมันเนย)
4.น้ำผึ้ง หรือน้ำตาลเทียม

ขั้นตอนการทำ

1. เทน้ำเปล่าลงในหม้อต้มพอประมาณ ใส่นมลงไปเล็กน้อย จากนั้นตามด้วยกล้วยที่ผ่าครึ่งพอดีคำ

2. ใส่เกลือป่นลงไปเล็กน้อย ต้มจนเดือดจนกล้วยสุก 

3. เติมน้ำผึ้ง ชิมรสให้หวานเค็มพอดี จากนั้นใส่นมที่เหลือตามลงไป รอให้เดือดอีกครั้ง 

4. ปิดไฟ ยกขึ้นแล้วเสริฟได้เลยค่ะ

มั่วเปล่า ? กินของหวานตอนเช้า ช่วยให้ผอมได้

ล่าสุดมีผลงานวิจัยที่ทำโดยให้คนที่มีปัญหาน้ำหนักเกิน จำนวน 144 คน แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม มาเข้าโปรแกรมการทานอาหารแบบโลว์คาร์บ,โลว์แคลอรี่ (1,400 แคลอรีต่อวันสำหรับผู้หญิง,1,600 สำหรับผู้ชาย) โดยให้กลุ่มหนึ่งอนุญาตให้กินมื้อเช้าที่มีแป้งเยอะ โปรตีนสูง และให้เลือกระหว่างคุกกี้, ช็อคโกแลต, เค้ก หรือไอศครีมเป็นของหวานตามชอบ



ผลก็คือ 16 สัปดาห์แรก น้ำหนักเฉลี่ยที่ลดลงไปของทั้งสองกลุ่มยังคงเท่ากันอยู่ที่ 14.5 กก. และ เมื่อเวลาผ่านไปอีก 16 สัปดาห์พบว่ากลุ่มที่ทานของหวานมื้อเช้าน้ำหนักจะลดลง 7.5 กก. ส่วนอีกกลุ่มนึงน้ำหนักจะลดลงแค่ 1.6 กก.

กลุ่มที่ได้ทานของหวานตอนเช้ายังมีอาการหิวโหยในมื้ออื่นๆน้อยกว่าอีกกลุ่มด้วย แต่ต้องไม่ลืมว่ามื้อกลางวันและเย็นก็ยังคงต้องรับประทานอย่างระมัดระวังเหมือนเดิมนะคะ

หญิงสาวชาวเยอรมัน เผยหุ่นเอว 16 นิ้ว หลังสวมชุดรัดเอวนาน 3 ปี

หลายๆคนที่อยากจะมีหุ่นเพรียวสะโอดสะองก็มักจะเลือกวิธีควบคุมอาหารหรือออกกำลังกาย แต่เห็นทีจะไม่ใช่หนทางสำหรับสาวเมืองเบียร์คนนี้ Michele Kobke 

Michele Kobke เคยมีรอบเอว 25 นิ้วแต่ปัจจุบันอยู่ที่ 16 นิ้ว หลังจากเธอสวมชุดรัดทรง (corset) ทุกวันเป็นเวลา 3 ปี ไม่เว้นแม้กระทั่งตอนนอน
แม้ตอนนี้เธอจะมีเอวที่เล็กกว่านางแบบ แต่ก็ยังหวังที่จะทำขนาดเอวให้เล็กลงจนถึง 14 นิ้ว

อย่างไรก็ตาม แพทย์เตือนว่าขนาดเอวที่มากกว่า 80 เซนติเมตร (31.49 นิ้ว) อาจเป็นต้นเหตุปัญหาใหญ่ตามมารวมถีงโรคหัวใจ

สถิติล่าสุดจากผู้เชี่ยวชาญบอกว่า 57 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงอังกฤษมีรอบเอวที่ใหญ่เกินขนาด


 Cathie Jung ไอดอลของ Michele Kobke ผู้ที่มีเอวเล็กที่สุดในโลก 15 นิ้ว 
(ภาพ:สำรวจโลก)

ราชินีแห่งคอร์เซ็ต ได้ถูกบันทึกลง Guinness Book ว่าเป็นผู้หญิงที่เอวเล็กที่สุดในโลกที่มีชีวิตอยู่ ในปี 2007 และคนที่ครองแชมป์เอวเล็กที่สุดในโลก คือ Ether Granger มีรอบเอวเพียง 13 นิ้ว
 เรื่องราวของ Michele Kobke ถูกตีพิมพ์ลงหนังสือ Closer ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
Facebook fanpage ของเธอที่ล้วนแต่สนใจในชุด Corsets (ลองคลิกดูได้ที่นี้)

วันพุธ, มิถุนายน 12, 2556

คุณสาวๆ ใครเคยเป็นแบบนี้บ้าง ??


รู้เรื่องเสียว เซ็กซ์ประตูหลัง

เล่นทางข้างหน้ากันมาก็มาก คงถึงเวลาที่ฝ่ายชาย เริ่มรู้สึกเบื่อและหมดความตื่นเต้น จนมีความคิดอยากเล่นเสียวทางข้างหลังดูบ้าง แต่ติดก็ตรงที่ว่า หวานใจของคุณยังกล้าๆ กลัวๆ เพราะมองเป็นเรื่องวิตรถาร และเป็นการฝืนกฎที่ธรรมชาติสร้างมาอีกด้วย ฉะนั้นคงเป็นฝ่ายชาย ที่ต้องทำหน้าที่กล่อมเธอให้เปิดโลกทัศน์ให้กว้าง หลุดพ้นจากความกลัว และยอมรับกับเซ็กซ์รูปแบบใหม่ แต่ก่อนหน้านั้น เราคงต้องขอพาคุณไปทำความรู้จักกับเซ็กซ์ทางประตูหลังกันก่อน เมื่อคุณอ่านจบ ก็คงอยู่ที่ความสามารถของของคุณเองแล้วล่ะ ว่าจะกล่อมหวานใจให้ร่วมสุขร่วมเสร็จไปพร้อมกับคุณได้หรือไม่


ฝ่ากำแพงความคิดแง่ลบ

ในความเป็นจริง การมีเพศสัมพันธ์นั้น มีได้หลายทาง ทั้งทางช่องคลอด ทางทวาร และทางปาก แต่ฝ่ายสาวมักคิดว่า การมีเซ็กซ์ประตูหลัง เป็นเรื่องที่ผิดธรรมชาติ และต้องเจ็บปวดเป็นแน่ แถมยังกลัวอีกว่า ชายมาดแมนอย่างคุณ จะกลายเป็นพวกวิตรถารขึ้นมา ได้หลังแล้วลืมหน้า งานนี้จะยุ่งเอาเสียเปล่าๆ ในขณะที่ฝ่ายชายเอง ก็อาจจะคิดว่า หากมีเซ็กซ์ทางประตูหลัง อาจจะเกิดอาการติดใจ กลายเป็นเบี่ยงเบนทางเพศซะอย่างนั้น ไม่ชายรักชาย ก็ได้ทั้งชายและหญิง
ความหวาดกลัวที่ว่านี้ คุณและเธอสามารถสลัดมันหลุดพ้นออกไปได้ เพราะการมีเซ็กซ์ทางประตูหลัง ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หากคุณและหวานใจทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ และกล้าที่จะเปิดใจยอมรับมัน คุณทั้งสองก็จะพานพบกับความตื่นเต้น และมีความสุขกับเซ็กซ์หลากหลายรูปแบบอย่างเต็มที่ ในแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน แต่ถ้าจะให้เวิร์กจริงๆ ก็คงต้องเกิดจากการยินยอมสมัครใจกันทั้งสองฝ่ายด้วย

รู้ให้ลึก รู้ให้จริง เรื่อง "ประตูหลัง"

รูทวารเป็นบริเวณที่เต็มไปด้วยปลายประสาทมากมาย ดังนั้นจึงไวต่อการสัมผัสเป็นพิเศษ และพื้นที่ส่วนนี้ไม่มีสารหล่อลื่นตามธรรมชาติ จึงเป็นเนื้อเยื่อที่บอบบางมาก ฉะนั้นหากจะสอดใส่ ก็ควรทำอย่างระมัดระวังที่สุด เพราะอาจเกิดการฉีกขาดได้ ที่สำคัญจี - สปอตของผู้ชายนั้น จะอยู่สูงประมาณ 4 เซนติเมตรจากรูทวาร เมื่อถูกกระตุ้น ก็จะทำให้ฝ่ายชายถึงจุดสุดยอดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในขณะที่ฝ่ายหญิงเองก็อาจจะถึงจุดสุดยอดได้เช่นกัน เพราะบริเวณของสงวนของเธอนั้นอยู่ใกล้กับปลายลำไส้มาก ดังนั้น การสอดใส่ทางประตูหลัง จึงเป็นการกระตุ้นที่รวมปลายประสาทของน้องหนูทางอ้อม

ความสุขที่แลกมาพร้อมกับความเจ็บ

แม้ว่าผู้หญิงบางคน อาจจะเคยผ่านประสบการณ์ทางประตูหลังมาก่อน แต่หากประสบการณ์ครั้งนั้นไม่เป็นที่น่าจดจำสำหรับเธอ ก็อาจจะไม่มีครั้งที่สองอีก เพราะฉะนั้นการที่จะให้ฝ่ายสาวยินยอมมีเซ็กซ์กันทางประตูหลัง คุณเองควรเป็นฝ่ายแสดงความห่วงใยในเรื่องความสุขความปลอดภัยของฝ่ายหญิง ด้วยการแสดงถึงความรับผิดชอบและแผนการที่คิดมาอย่างฉลาดรอบคอบแล้ว เมื่อคุณแสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือ ฝ่ายหญิงก็จะเกิดความเชื่อมั่น และจากนั้น การจูงใจให้ฝ่ายสาวยอมอ้าประตูอีกบาน ก็ไม่น่าจะใช่เรื่องยาก

เข้าข้างหลัง ไม่ต่างจากเข้าข้างหน้า

ก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงรักทางประตูหลัง คุณผู้ชายทั้งหลายควรต้องรู้ไว้เสียแต่เนิ่นๆ ว่า ผู้หญิงก่อนจะเสียความบริสุทธิ์ตรงรูทวาร จำเป็นต้องได้รับการผ่อนคลายและการเตรียมตัวเตรียมใจที่ดีมาซะก่อน ซึ่งไม่ต่างจากประตูหน้า ที่ต้องอาศัยการเล้าโลมเช่นกัน การมีเซ็กซ์ทางประตูหลังจะรีบสอดเข้าไปเลยไม่ได้ เพราะยิ่งผู้หญิงมีความเครียดมากเท่าไหร่ ประตูหลังของผู้หญิงก็ยิ่งจะคับตึงมากขึ้น ทำให้การมีเซ็กซ์เป็นไปอย่างยากลำบากและสร้างความเจ็บปวดให้กับฝ่ายสาว ยิ่งเคสไหนเป็นเคสแรกของเธอด้วยแล้ว คุณจำเป็นต้องทำการบ้านมาอย่างดีเพื่อให้ผู้หญิงเกิดความพร้อมมากที่สุด

เซ็กซ์ข้างหลังแบบเซฟๆ

การมีเซ็กซ์ทางประตูหลัง เราคงต้องขอย้ำว่า การทำความสะอาดเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เป็นไปได้ว่าคุณและหวานใจควรชำระล้างกายแบบทุกซอกทุกมุม เพื่อความมั่นใจ โดยเฉพาะน้องหนูของคุณเอง สำหรับฝ่ายสาว แน่นอนว่า นอกจากจะทำความสะอาดร่างกายแล้ว ยังต้องให้เธอทำการขับถ่ายแบบหมดไส้หมดพุง เพื่อไม่ให้ขณะที่คุณกำลังปฏิบัติภารกิจอยู่นั้น มีสิ่งไม่พึงประสงค์ติดออกมา  นอกจากนั้น การร่วมเพศทางประตูหลัง การใช้เจลหล่อลื่นก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน จงอย่าลืมว่า พื้นที่ส่วนนี้ไม่สามารถหลั่งสารหล่อลื่นออกมาเองได้ รวมไปถึงควรใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยทุกครั้ง เพราะการมีเซ็กซ์ทางประตูหลังนั้น มีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อต่างๆ ได้ เช่น โรคเริม หูด หงอนไก่ โรคไวรัสตับอักเสบบี และโรคยอดฮิตอย่าง การติดเชื้อเอดส์ ซึ่งมีโอกาสติดเชื้อได้มากกว่าทางประตูหน้าเสียอีก

**ข้อควรระวัง เมื่อคุณทำการสอดใส่อวัยวะเพศชายทางประตูหลังแล้ว ไม่ควรที่จะให้ฝ่ายหญิงทำออรัลเซ็กซ์ให้ และอย่าสอดใส่ทางประตูหน้าอย่างเด็ดขาด เพราะหวานใจของคุณอาจจะได้เชื้อแบคทีเรีย และโรคต่างๆ ถามหาในภายหลัง

10 จุดเสียวของเหล่าสาวๆ

จุดแรกเรามาเริ่มต้นกันแบบเบาๆ สบายๆ ที่ปลายเท้ากัน ก่อนดีกว่า ใครที่เคยไปสปาหรือร้านนวดต่างๆ เคยสังเกตไหมครับว่าเขาจะเริ่มนวดจากปลายเท้าของเราก่อน เช่นกันครับ จุดๆ นี้เป็นจุดที่มีเส้นประสาทอยู่มาก แค่ถูกกระตุ้นด้วยการลูบไล้ก็ทำให้มีอารมณ์ได้แล้ว แต่นี่เพิ่มประสิทธิภาพด้วยการสั่นสะท้านเข้าไป รับรองครับว่าแค่เริ่มต้นก็ตื่นเต้นแล้ว
จุดที่สองที่หลายคนมองข้ามหรือคิดไม่ถึง และบางคนอาจจะเอ่ยปากร้องว่าจริงเหรอเมื่อพูดถึงจุดนี้ นั่นก็คือบริเวณหน้าแข้งค่ะ การลูบคลำอาจจะไม่ส่งต่อความรู้สึกสักเท่าไร แต่เมื่อไรก็ตามที่จุดนี้ถูกสั่นด้วยเครื่องสั่น จะเล็กหรือใหญ่ก็แล้วแต่ จะทำให้คุณค่อยๆ เกิดความเสียวแปลบขึ้นมาเล็กน้อย รวมทั้งยังช่วยทำให้ช่วงขาของเธอผ่อนคลายอีกด้วย คุณอาจจะค่อยๆ ไล่เรียงมาจากช่วงบริเวณหัวเข่า เพื่อไต่ลงไปถึงบริเวณหน้าแข้งก็ได้ เพราะมันจะค่อยๆ ช่วยทำให้ความเสียวเพิ่มระดับมากขึ้น
มาต่อที่จุดที่สามกันครับ จุดที่สามถัดจะอยู่ขึ้นมาช่วงสะโพกหรือตรงก้นของ เธอนั่นเอง เคยดูในหนัง AV ไหมค่ะ บางเรื่องผู้ชายจะตีไปที่บริเวณก้นของผู้หญิง ยิ่งตีอารมณ์ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกันค่ะ การสั่นกระตุ้นที่บริเวณจุดนี้ก็มีส่วนช่วยทำให้อารมณ์ของเธอเพิ่มขึ้นเช่น กัน
แผ่นหลังที่ เรียบเนียนก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่น่าสัมผัส แค่กดเบาๆ ไล่ไปตามแผ่นหลังก็รู้สึกได้ถึงความสบาย ผ่อนคลาย แต่ถ้าไม่ใช่แค่นั้นล่ะค่ะ เปลี่ยนเป็นเครื่องสั่นที่ค่อยๆ นวดแผ่นหลังของเธออย่างเบาๆ เน้นจุดบางจุดที่เธอรู้สึกตึงให้หย่อนผ่อนลงบ้าง แค่นี้ความสุขก็อยู่ไม่ไกลแล้ว
ถัดจากแผ่นหลังมาทางสีข้าง ตรง บริเวณนี้ก็เป็นจุดที่ช่วยสร้างความบันเทิงไม่แพ้กัน สังเกตได้จากเวลาที่เราจะจั๊กจี้ใครสักคน สีข้างบริเวณเอวเป็นจุดที่น่าจี้มากที่สุด เพราะบริเวณนี้ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่มีเส้นประสาทจำนวนมาก เมื่อโดนกระตุ้นร่างกายก็จะสามารถตอบสนองได้ง่าย หลายคนอาจจะกังวลว่าแค่จี้เอวก็ถึงกับสะดุ้งเฮือกแล้ว จะกระตุ้นอารมณ์ได้อย่างไร ในความเป็นจริงแล้ว การสั่นเบาๆ จะไม่ทำให้ร่างกายเกิดอาการกระตุก แต่จะช่วยทำให้รู้สึกเสียวซ่านขึ้นค่ะ
บริเวณท้องน้อยก็ นับเป็นอีกจุดหนึ่งที่ช่วยเพิ่มระดับความซาบซ่าได้ ลองนึกดูนะค่ะเวลาที่เราซุกไซร้ไปที่บริเวณท้องน้อยของเธอ ร่างกายเธอจะเริ่มบิดไปมาด้วยความสุข เช่นนั้นแล้วการใช้เครื่องสั่นค่อยๆ ไล่เรียงไปตามท้องน้อยของเธอวนรอบสะดือสักสองสามรอบ รับรองคืนนี้ยาวนานค่ะ
จุดสัมผัสที่เจ็ด ผมต้องยกให้กับช่วงบริเวณโคนขาหนีบ จุด นี้เป็นจุดที่ใกล้จุดยุทธศาสตร์ของเธอเป็นที่สุด แม้ไม่ได้สัมผัสกับจุดนั้นโดยตรง แต่แค่บริเวณใกล้เคียงก็ช่วยเรียกเสียงเธอออกมาได้แน่ๆ รับรอง
ร่องก้นถือเป็นจุดที่ไม่ควรมองข้ามเลยค่ะ การสั่นเบาๆ ที่บริเวณนี้ช่วยกระตุ้นอารมณ์ได้ดีอย่างมาก แถมยังช่วยให้รู้สึกสบายอีกด้วย บริเวณหน้าอกก็เช่นกัน จุดนี้หลายๆ คนคงทราบดีอยู่แล้วว่ามันเคลิบเคลิ้มแค่ไหนเมื่อถูกสัมผัส
จุดที่สิบ จุดสุดท้ายที่จะช่วยทำให้คุณสั่นสะท้านทรวงได้นั่นก็คือบริเวณศีรษะค่ะ ทุกครั้งที่เรานวดบริเวณศีรษะ เราจะรู้สึกผ่อนคลายสบายตัว ยิ่งเราได้เครื่องสั่นค่อยๆ นวดที่ศีรษะไปเรื่อยๆ ก็จะช่วยทำให้ฝันแห่งความสุขที่เคยล่องลอยอยู่ไกล กลับใกล้เข้ามาได้ค่ะ

นวัตกรรมน้ำหอมกินได้

เมื่อพูดถึงน้ำหอม ใคร ๆ ก็คงนึกถึงน้ำหอมกลิ่นต่าง ๆ ในขวดดีไซน์สวย ที่อยากให้ร่างกายหอมฟุ้งด้วยกลิ่นไหน ก็เพียงหยิบขึ้นมาสเปรย์ลงไปบนผิวกาย แต่ตอนนี้นวัตกรรมของน้ำหอมกำลังก้าวไกลไปอีกขั้น เมื่อ "ลูซี่ แมคแคร" ศิลปินจากเนเธอร์แลนด์ ริเริ่มคิดค้นน้ำหอมที่ออกฤทธิ์ด้วยการกิน แทนการฉีดพรมบนร่างกาย !


ตามรายงานจากเว็บไซต์เดลิเมลของอังกฤษ ด้วยความร่วมมือระหว่าง ลูซี่ แมคแคร และนักชีววิทยา "เชอริฟ แมนซี่" สรรค์สร้างน้ำหอมแบบใหม่ที่เรียกว่า "Swallowable Parfum" หรือ น้ำหอมที่กลืนได้ ออกมาเป็นเม็ดน้ำหอมแคปซูลเหมือนกับเม็ดยา ที่กลืนลงไปแล้วจะออกฤทธิ์ผสานกับกระบวนการเผาผลาญหรือเมตาบอลิซึ่ม อนูของกลิ่นหอม ๆ จะฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งกายพร้อม ๆ กับการดูดซึมและกระบวนการขับเหงื่อของร่างกายนั่นเอง นอกจากนี้เพราะร่างกายของแต่ละคนมีกลิ่นกายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว กลิ่นน้ำหอมที่ผสานเข้ากับเหงื่อและกลิ่นกายโดยธรรมชาติของแต่ละคนจึงแตกต่างกันออกไปด้วย เรียกว่าได้น้ำหอมกลิ่นเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใครแน่นอน

นอกจากจะกำลังพัฒนาน้ำหอมที่กลืนได้ขึ้นมาแล้ว ทีมวิจัยยังกำลังคิดค้นน้ำหอมแคปซูลที่ผสมสารกันแดด เพื่อปกป้องผิวกายจากรังสียูวีโดยไม่ต้องทาครีมกันแดดด้วย และเครื่องสำอางแบรนด์ดังอย่างลอรีอัลก็มีแผนจะวางขายผลิตภัณฑ์ต่อต้านผมหงอกแบบเม็ดยาในปี 2015 นี้อีกด้วย นับว่านวัตกรรมสำหรับความงามกำลังจะเปลี่ยนรูปโฉมไปอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามแม้จะมีโฆษณาสำหรับ "Swallowable Parfum" ออกมาแล้ว แต่ก็ยังไม่มีกำหนดวางขายอย่างเป็นทางการ

ต่อจากนี้ไปใครที่คิดว่าเหงื่อออกโทรมกายแล้วจะมีกลิ่นตัว ก็คงไม่ต้องกลัวอีกแล้วล่ะ

ประโยชน์ของ ช็อกโกเลตดำ !

จากผลการวิจัยพบว่า ในช็อคโกแลตดำมีสารโกโก้ฟาโวนอยด์ สูงกว่าช็อคโกแลตอื่นๆ สารนี้ช่วยส่งเสริมระบบไหลเวียนโลหิต เสริมสร้างเซลล์เม็ดเลือดให้แข็งแรง ป้องกันเลือดจับตัวกันเป็นลิ่ม ลดเสี่ยงเส้นเลือดในสมองอุดตัน ความดันโลหิตสูง และหัวใจวาย


นอกจากนี้ในช็อคโกแลตยังอุดมด้วย "กรดอะมิโนทริปโตแฟน" ช่วยกระตุ้นให้สมองหลั่งสารแห่งความสุข "เซโรโทนิน" ออกมาละลายความตึงเครียดและแทนที่ด้วยความรู้สึกสุขสดชื่นอีกด้วยนะคะ :)

ใครกำลังลดน้ำหนัก แวะมาอ่านแป๊ปนึงจ้า

มีความเชื่อหลายอย่างที่เรามักเข้าใจผิด เกี่ยวกับการทานอาหารไดเอ็ท ลองไปดูกันดีกว่าจะ ว่ามีอะไรบ้าง?


- ผักต้องกินแบบสดๆ เท่านั้น 
ไม่จริงเสมอไปค่ะ บางคนเชื่อว่าผักที่ผ่านการประกอบอาหารมาแล้ว สูญเสียวิตามินไปเกือบทั้งสิ้น ความเชื่อนี้ผิดอย่างสิ้นเชิง เพราะร่างกายยังสามารถดูดซึมสารอาหารจากผักที่ประกอบอาหารแล้ว(ยกเว้นการต้ม) ง่ายกว่าผักสดอีกค่ะ

- งดแป้งขนมปังก็กินไม่ได้
ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท ซีเรียลโฮลเกรน ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ ข้าวฟ่าง ข้าวไรย์ ลูกเดือย ข้าวโพด อาหารเหล่านี้สำหรับคนไทยแล้ว มีการบริโภคค่อนข้างน้อยมาก ทั้งๆมีประโยชน์มากมาย อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ ใยอาหาร มีคุณสมบัติช่วยในการควบคุมน้ำหนัก เมื่อมีการรับประทานอย่างต่อเนื่อง จะทำให้น้ำหนักตัวของคุณอยู่ในระดับที่เหมาะสมไม่อ้วนแถมยังมีสุขภาพดีอีกด้วยค่ะ

- กินผลไม้รสหวานมากไปก็อ้วน 
แค่เพราะความหวานของผลไม้ คนเรามักคิดเอาเองว่ามันทำให้อ้วน ความจริงแล้วกล้วยลูกหนึ่งนั้นมีแคเลอรี่ เพียง 105 แคเลอรี่ ซึ่งมาพร้อมด้วย ไฟเบอร์ โพแทสเซี่ยม และ แมกนิเซี่ยมที่ล้วนแต่ดีต่อร่างกายทั้งนั้น นอกจากนี้หลายคนมักจะเลือกซื้อผักผลไม้สดๆในซุปเปอร์แทนที่จะซื้อพวกผักผลไม้แช่แข็ง แต่หารู้ไม่ว่าผักและผลไม้สดพวกนั้นถูกวางอยู่ในชั้นวางมานานแค่ไหนแล้ว? ถึงแม้ว่าผักและผลไม้สดจะมีรสชาติที่ดีกว่าของแช่แข็งก็ตาม คุณค่าทางโภนาการก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่เลยค่ะ

เป็นยังไงบ้างคะ เข้าใจผิดอะไรกันไปบ้างเอ่ย แล้วอย่าลืมเอาไปปรับใข้กันนะคะ ^^

D.I.Y. 109 : TORN JEANS ยิ่งขาดยิ่งคูล... (ฉบับแก้ตัว) เวอร์ชั่นภาพชัด บรรยายชัด


ลองเอาไปทำกันดูนะค่ะ เท่ห์ได้ง่าย ๆ สบายกระเป๋า !!

D.I.Y. ทำเล็บสวยด้วยตัวเอง


วันจันทร์, มิถุนายน 10, 2556

แต่งหน้ายังไงให้สวย ที่นี่มีคำตอบ!


- ใช้ครีมรองพื้นแบบแท่งกลบรอยแดง ๆ
 และสิวเอาไว้ การเลือกเฉดสีที่ใกล้เคียงกับสีผิวของคุณจะช่วยให้ทาได้ง่ายและเร็วขึ้น

- ที่ดัดขนตาดี ๆ 
จะช่วยให้ดวงตาของคุณดูโตขึ้นและขนตางอนสวยโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที

- การปัดมาสคาร่าสองสามรอบ
 จะช่วยให้ดวงตาดูโดดเด่นขึ้นมาทันที ถ้าคุณไม่มีเวลาทาอายแชโดว์หรือเขียนอายไลเนอร์


การแต่งหน้าสวย ในเวลาอันสั้น


- ใช้ผลิตภัณฑ์อเนกประสงค์ที่ใช้แต่งเติมความงามบนใบหน้าได้หลายอย่าง และสามารถใช้นิ้วแต้มลงบนเปลือกตา แก้ม และริมฝีปากได้ โทนสีชมพูกุหลาบ สีพีช และสีบรอนซ์ เป็นโทนสีที่ใช้ได้ดีที่สุด

- ใช้ลิปสติกแบบบางใสและมีความมันวาว หรือลิปบาล์มแบบที่มีสีเจืออยู่เล็กน้อยจะช่วยให้เรียวปากดูสวยใสได้โดยไม่ต้องเขียนขอบปากหรือทาทับด้วยลิปกลอส ลิปสติกโทนสีแดงหรือชมพูจะช่วยให้ดูสดใสขึ้นได้ แม้ในยามที่แต่งหน้าไม่ครบสูตร

เคล็ดลับ.....ลดความมันบริเวณรอบจมูก

ปัญหาความมันบนใบหน้าเป็นอีกหนึ่งปัญหาหลักที่สาวๆ ต้องพบเจอ โดยเฉพาะบัญหาความมันบริเวณรอบๆ จมูก วันนี้เรา มีเคล็ดลับ..ลดความมันบริเวณรอบจมูก มาฝากกันค่ะ วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่ง่ายๆ เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับดีๆ ที่ไม่ว่าคุณหรือใครๆ ก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองได้ เชื่อว่าปัญหาความมันรอบจมูกจะไม่มีทางมากวนใจสาวๆ ได้อีกอย่างแน่นอนจร้า งั้นเอาเป็นว่าตอนนี้นะค่ะ เราไปดู เคล็ดลับ.....ลดความมันบริเวณรอบจมูก กันเลยดีกว่าจะง่ายและถูกใจสาวๆ แค่ไหค่ะ


เคล็ดลับ.....ลดความมันบริเวณรอบจมูก

มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ผิวบริเวณนั้นผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป ทั้งสภาพอากาศ สิ่งแวดล้อม และรอบเดือน บางครั้งการกินอาหารที่มีประโยชน์ และการทำความสะอาดผิวหน้าเป็นประจำก็ยังอาจไม่พอ คุณจำเป็นต้องทำความสะอาดอย่างล้ำลึกสัปดาห์ละครั้ง ด้วยมาส์กที่มีขายตามเคาน์เตอร์ทั่วไป หรืออาจลองปรุงมาส์กพอกหน้าตำรับทำเอง
ขั้นตอน
ผสมข้าวโอ๊ต 2 ช้อนโต๊ะเข้ากับน้ำนม เติมมันเนย 4 ช้อนโต๊ะ คนส่วนผสมทั้งสองอย่างให้เข้ากันจนมีลักษณะเป็นเนื้อครีมข้นๆ นำมาพอกหน้า และลำคอทิ้งไว้ 15 – 20 นาที หลังจากนั้นเช็ดออกด้วยผ้าขนหนูนุ่ม ๆ ชุบน้ำอุ่นแล้วบิดให้แห้งหมาด ๆ ตามด้วยน้ำสะอาด และตบท้ายด้วยน้ำเย็นเพื่อช่วยกระชับรูขุมขนค่ะ



"อาหารเพื่อผิวอ่อนเยาว์" ของสาวอยากหน้าเด็ก


1.หยุดผมร่วง รับประทานกล้วย ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินบี มีสรรพคุณป้องกันผมร่วงได้ดี การรับประทาน กล้วยเข้าไปในปริมาณที่เพียงพอ จะช่วยรักษาเส้นผมให้อยู่คู่กับหนังศีรษะได้นานวัน

2.ลดผิวมัน รับประทานธัญญาหารทุกเช้า ซึ่งอุดมด้วยวิตามินบี 2 ที่ช่วยหยุดยั้งการผลิตน้ำมันส่วนเกิน ของต่อมผลิตภายในร่างกายที่เป็นสาเหตุหนึ่งของเส้นผมบางและมัน

3.หยุดการลอกของผิวหนัง รับประทานปลาแซลมอนใส่เกลือรมควัน อาหารทะเล หรือสลัดผักสดก็ได้


4.ผิวเนียนใสเหมือนเด็ก มะม่วงมีเบต้าแคโรทีนที่ช่วยทำให้ผิวมีสุขภาพดี โดยช่วยกระตุ้นการสร้าง ผิวหนัง รวมทั้งหนังศีรษะเพื่อทดแทนของเดิมที่หยาบแห้งและขรุขระ ให้กลับมีความชุ่มชื่นและนุ่มเนียน

5.ชะลอผมหงอก รับประทานถั่วลิสงอบเนยรวมกับเกล็ดขนมปังที่อบมาร้อน ๆ ก่อนมื้ออาหาร ถั่วลิสงมี วิตามินบีที่สามารถหยุดการเปลี่ยนสีผมให้เป็นสีดอกเลาได้ และยังทำให้ผิวหนังดูดีขึ้นอีกด้วย

6.ดูหนุ่มสาวขึ้นอีก 5 ปี รับประทานฝรั่งหรือน้ำฝรั่งซึ่งอุดมด้วยวิตามินซีเพราะจะช่วยเก็บรักษาคอลลาเจนที่เป็นบ่อเกิดแห่งโปรตีนภายใต้ผิวหนัง หรือรับประทานมะละกอ ส้ม ลูกเกดสีดำอบแห้งร่วมกับผลไม้ประจำวันก็จะช่วยเพิ่มวิตามินซีเช่นกัน

7.ปกป้องใบหน้าจากมลพิษ วิตามินบีในอะโวคาโดช่วยทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัยและร่างกายเกิดความ ต้านทานจากการทำลายในรูปแบบต่างๆ ทั้งนี้รวมถึงการถูกทำลายจากบรรยากาศที่มลภาวะเป็นพิษ

วิธีเผาผลาญเมื่อกินมากเกินไป


เชื่อว่าสาวๆ หลายคนก็อยากที่จะมีหุ่นดี หุ่นสวยกันทั้งนั้น แต่อาจเผลอทานเยอะเกินไป จึงเป็นที่หนักอกหนักใจของสาวๆ  แต่ปัญหาทั้งหลายนี้จะไม่เป็นที่หนักอกหนักใจสาวๆ อีกต่อไป เพราะว่าวันนี้เรามีวิธี”เผาผลาญ”เมื่อกินมากเกินไปมาฝาก ถ้าอย่างนั้นเรามาทำความรู้จักกับวิธีเผาผลาญเมื่อกินมากเกินไปกันเลยดีกว่าว่าจะมีอะไรบ้าง ดังนี้

วิธีเผาผลาญเมื่อกินมากเกินไป

- ดื่มน้ำส้มคั้นสดๆ เพราะในน้ำส้มคั้นมีวิตามินที่ช่วยดูดซึมสารอาหารที่สำคัญหลายอย่าง เมื่อรับประทานเป็นผลก็จะมีเส้นใยธรรมชาติสูง และช่วยคุม”น้ำหนัก”ได้อีกวิธีหนึ่งด้วย เพราะจะทำให้รู้สึกอิ่มท้องเร็ว และรับประทานได้น้อยด้วย
- ทานอาหารจำพวกธัญพืชชนิดที่มีไขมันต่ำ อาจจะทานในตอนเช้าก็ได้ เพราะธัญพืชเหล่านี้ อุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ ซึ่งจะทำให้ระบบย่อยช้าลง และยังทำให้รู้สึกอิ่มท้องได้นาน
- การเคลื่อนไหว”ร่างกาย” หลังเลิกงานอาจจะเรียกเหงื่อด้วยการเดินเล่น หรือวิ่งเยอะๆ ก็ได้ ถ้าจะให้ดีควรวิ่งให้ได้ 30 นาที ขึ้นไป เพราะการเคลื่อนไหวเร็วๆ จะเผาผลาญได้ 140 แคลอรีใน 30 นาที เลยทีเดียวเชียว
- เคี้ยวอาหารช้าๆ เพราะการทานเร็ว จะทำให้ทานมากเกินอัตราโดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารหลัง 6 โมงเย็นเป็นต้นไป หรือช่วงเวลากลางคืนห้ามเด็ดขาด
- ทานผักและผลไม้มากขึ้น เพราะผักจะให้พลังงานน้อย แต่ให้สาร”อาหาร”มาก ส่วนผลไม้ เลือกทานที่ให้พลังงานต่ำ เช่น ฝรั่ง มะม่วง ชมพู่ แตงโม แคนตาลูป เลี่ยงผลไม้ที่หวานจัด และให้พลังงานสูง เพียงเท่านี้ก็จะทำให้สาวๆ เผาผลาญไขมันส่วนเกินได้แล้ว

ทานข้าว นอกบ้านยังไงไม่ให้อ้วน


การไปกินข้าวนอกบ้านนี่มันเจ๋งสุดๆ เลยใช่ไหมละคะ?
แต่ปริมาณแคลอรี่ที่ตามมา หลังจากออกไปหม่ำมื้อพิเศษนี่แหละ ที่มันทำให้ความเจ๋งลดลงถึงขั้นติดลบ
จากงานวิจัยใหม่ล่าสุด มีวิธีที่ง่ายมากเลยที่จะกินให้น้อยลง โดยไม่ต้องฝืนใจตัวเองอย่างหนัก!

จากการศึกษาของ "คอร์เนล" พบว่า เรามีแนวโน้มที่จะกินน้อยลงในร้านอาหาร ด้วยแสงสลัวๆ และดนตรีเบาๆ (อย่างแจ๊สนะ ไม่ใช่ร็อกหรือแทงโก้)และจะดียิ่งกว่าเมื่อเราเพลิดเพลินกับอาหารมากกว่าสภาพแวดล้อม

ในการศึกษานี้ นักวิจัยตกแต่งร้านอาหารตามเงื่อนไขเรื่องแสงและเพลง และพบว่าผู้เข้าร่วมทดลองรับประทานมื้อเย็นในจำนวนน้อยกว่า 175 แคลอรี่ ผลลัพธ์ออกมาถือว่าไม่แย่สำหรับการทดลองครั้งแรก แต่ว่าถ้าคุณกินอาหารนอกบ้านบ่อยๆ มันอาจจะเพิ่มขึ้นก็ได้นะ

นักวิทยาศาสตร์อธิบายเรื่องนี้ว่า แสงไฟสลัวๆ และเสียงเพลงที่ผ่อนคลาย ช่วยให้คุณรู้สึกสบายและทำให้การกินของคุณใช้เวลามากขึ้น และเมื่อคุณกินช้าลง คุณจะรู้สึกอิ่มเร็วขึ้นนั่นทำให้คุณกินน้อยกว่าปกติ

แน่นอนว่าผลวิจัยนี้พูดถึงเฉพาะกรณีกินที่ร้านอาหาร แต่ถ้าเป็นการนำไปประยุกต์ที่บ้าน จะเลือกเปิดดนตรีไทยหรือปิดไฟให้หมดบ้านเลยก็ได้นะ คุณจะยิ่งรู้สึกเพลิดเพลินกับมื้ออาหาร แล้วก็กินน้อยลง

วันอาทิตย์, มิถุนายน 09, 2556

ข้อดี ข้อเสีย ฟักทอง ประโยชน์ของฟักทอง

 หนึ่งในพืชสีเหลืองที่เรามักจะเห็นคนนำมาประกอบอาหารอยู่บ่อย ๆ ก็คือ "ฟักทอง" นั่นเอง เพราะ "ฟักทอง" สามารถประกอบอาหารคาว-หวานได้สารพัดเมนู จึงไม่แปลกที่ "ฟักทอง" จะเป็นอาหารจานโปรดของใครหลายคน

          แล้วรู้ไหมคะว่า "ฟักทอง" นอกจากอิ่มอร่อยแล้ว ยังมีสรรพคุณทางยาอีกต่างหาก เอ้า...ถ้ายังไม่ทราบวันนี้เราขอเอาใจคนรัก "ฟักทอง" ด้วยการนำเรื่องราวประโยชน์ของ "ฟักทอง" มาเสิรฟ์ถึงมือคุณเลยค่ะ

          ฟักทอง เป็นพืชตระกูลมะระ ชนิดไม้เถาขนาดใหญ่ ผิวมีลักษณะขรุขระ เนื้อในสีเหลืองนิ่ม มีเมล็ดสีขาวแบน ๆ ติดอยู่ ซึ่งแต่ละส่วนของ "ฟักทอง" มีสรรพคุณทางมากมาย คือ

           เนื้อฟักทอง มีวิตามินเอสูง รวมทั้งฟอสฟอรัส แคลเซียม วิตามินซี แป้ง และที่จะลืมไปไม่ได้เลยก็คือ "เบต้าแคโรทีน" ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ในเนื้อสีเหลืองของฟักทอง สามารถช่วยลดการเกิดมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหัวใจได้ แถมเบต้าแคโรทีน ยังช่วยต้านความชรา ป้องกันโรคผิวหนัง บรรเทาอาการปวดเมื่อยของข้อเข่า และบั้นเอวได้เป็นอย่างดี

           เปลือกฟักทอง มีฤทธิ์ทางยามากมาย หากทานฟักทองทั้งเปลือก จะสามารถกระตุ้นการหลั่งอินซูลินในร่างกาย ซึ่งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันการเกิดเบาหวาน ความดันโลหิต บำรุงตับ บำรุงไต บำรุงดวงตา และสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์ที่ตายไป ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

           ใบอ่อน มีวิตามินเอสูงเท่ากับเนื้อฟักทอง แต่มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูงกว่าในเนื้อ

           ดอก มีวิตามินเอ ธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัส มีวิตามินซีเล็กน้อย

           เมล็ด ประกอบด้วยแป้ง ฟอสฟอรัส โปรตีนและวิตามิน รวมทั้งสารที่ชื่อว่า "คิวเคอร์บิติน" (cucurbitine) ซึ่งมีฤทธิ์ในการฆ่าพยาธิตัวตืดได้ดี และยังช่วยขับปัสสาวะ ป้องกันการเกิดนิ่ว มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ น้ำมันจากเมล็ดฟักทองยังช่วยบำรุงประสาทได้ดี และยังมีกรดอะมิโนบางชนิดที่ช่วยป้องกันไม่ให้ต่อมลูกหมากของผู้ชายขยายใหญ่ขึ้น และช่วยปรับระดับฮอร์โมนเพศชายที่ได้จากลูกอัณฑะให้อยู่ในระดับปกติ

           ราก น้ำมาต้มน้ำใช้ดื่มแก้อาการไอได้ และยังช่วยบำรุงร่างกาย ถอนพิษของฝิ่นได้

           เยื่อกลางผล สามารถนำมาพอกแผล แก้อาการฟกช้ำ อาการปวด อักเสบได้


ฟักทอง

ฟักทอง อาหารเพื่อคุณผู้หญิง

          และสำหรับคุณผู้หญิงที่ต้องการลดน้ำหนัก "ฟักทอง" นี่แหละค่ะคือ "ตัวช่วย" ที่ดีตัวหนึ่งเลยทีเดียว เพราะฟักทองเป็นพืชที่มีกากใยมาก และมีแคลอรีไม่สูง ไขมันน้อย จึงไม่ทำให้อ้วน นอกจากนี้ในฟักทองมีวิตามินหลายชนิดในปริมาณสูง จะช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณของคุณสาว ๆ มีน้ำมีนวล แถมสายตายังดูปิ๊งอีกต่างหาก

          นอกจากนี้ สำหรับสตรีหลังคลอดบุตร "ฟักทอง" ซึ่งมีฤทธิ์อุ่น จะช่วยย่อยอาหาร ทำให้กระเพาะอุ่น บำรุงกำลัง ลดอาการอักเสบ แก้ปวดได้อีกด้วย

ข้อควรระวังในการทาน "ฟักทอง"

          เนื่องจาก "ฟักทอง" มีฤทธิ์อุ่น ดังนั้นคนที่ "กระเพาะร้อน" คือมีอาการเช่นกระหายน้ำ ปากเหม็น หิวง่าย ปัสสาวะเหลือง ท้องผูก เป็นแผลในช่องปาก เหงือกบวม ไม่ควรทานฟักทองมากเกินไป เพราะอาจกระตุ้นให้ร่างกายร้อนขึ้นได้นั่นเอง หรือแม้แต่ในคนปกติ การทานฟักทองมากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ไม่สบายท้องได้เช่นกัน

          ได้เห็นประโยชน์ดี ๆ ของ "ฟักทอง" แล้วอย่าลืมหามาทานกันนะคะ

ทายนิสัยจากทรงผมของคุณ ลองดูจะแม่นแค่ไหน ?

สิ่งที่ทำให้คุณดูดีมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร นอกจากรูปร่างหน้าตา และเสื้อผ้าแล้ว ทรงผมยังเป็นอีกส่วนสำคัญที่ละเลยไม่ได้ เพราะทรงผมมักเป็นสิ่งสะดุดตาอันดับแรกๆ ซึ่งมีผลต่อการจดจำ และความประทับใจ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังบอกบุคลิกเฉพาะตัวของคนๆ นั้นได้อีกด้วย สำคัญขนาดนี้ต้องมาดูกันซักหน่อยว่า ทรงผมแต่ละแบบบ่งบอกอะไรในตัวคุณ จะได้เลือกทรงกันให้สวยไฉไล มั่นใจ ไม่มีพลาด ^.^

1.ผมตรง

เป็นคนมีบุคลิกมั่นใจ น่าค้นหา หวานซ่อนเปรี้ยว สาวๆ กลุ่มนี้ดูเหมือนจะไม่ต้องทำอะไรกับผมมากนัก แต่แท้จริงแล้วพวกนางก็แอบเครียดอยู่เหมือนกันนะคะ เพราะปัญหาอันเป็นอุปสรรคของสาวผมตรงก็คือ ผมแตกปลาย ขาดง่าย แห้งฟู ไร้น้ำหนัก ดังนั้นจำเป็นมากที่สาวๆ กลุ่มนี้จะต้องทำทรีตเม้นต์ผม เสริมวิตามินให้เส้นผมสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง

2.ผมดัดลอน

เป็นคนบุคลิคสดใส ร่าเริง ช่างเจรจา แต่แอบเบื่อง่าย แต่คนรอบข้างมักชอบเพราะคุณจะมีลุคใหม่ๆ มานำเสนออยู่เสมอ

3.ผมทำสี

สาวๆ กลุ่มนี้มีเพื่อนเยอะ เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ เป็นผู้หญิงคิดบวก สำหรับสาวผมทำสี ควรหมั่นทำทรีตเม้นท์ เพื่อเพิ่มโปรตีนให้เส้นผม พร้อมกับหลีกเลี่ยงแสงแดด น้ำทะเล การไดร์ผมด้วยความร้อน 



สูตรพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง "เพื่อผิวหน้าเนียนนุ่ม"

วันนี้ชวนคุณผู้หญิงให้มีผิวหน้าเนียนนุ่มกันด้วยสูตรพอกหน้าด้วยน้ำผึ้งกันแบบง่าย ๆ เลยค่ะ เพราะว่าขั้นตอนของ สูตรพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง นี้ไม่ยุ่งยากแต่อย่างใดทำง่าย ๆ มาก ๆ แต่ก็มีผิวหน้าที่เนียนนุ่มได้แล้วล่ะจ๊ะ ใครอยากให้ตัวเองมีผิวหน้าเนียนนุ่มก็ลองทำดู ..
น้ำผึ้งนั้นเป็นส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติซึ่งไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใดทานก็ดีต่อร่างกายนำมาทาผิวก็ยิ่งส่งเสริมผิวพรรณให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วยเรียกได้ว่าครบสูตรแบบทูอินวันเลยทีเดียวค่ะ นั้นเรามาเริ่มสูตรพอกหน้าด้วยน้ำผึ้งกันเลยค่ะ
สูตรพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง 

สูตรพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง

น้ำผึ้งนอกจากจะมีรสหวานอร่อยเพราะมีส่วนผสมของน้ำตาลกลูโคล์สถึง 79% แล้ว ยังมีกรดชนิดต่าง ๆ ผสมอยู่ในปริมาณสูงจึงสามารถนำมาเป็นมาส์กพอกหน้าเพื่อกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปได้ โดยอุ่นน้ำผึ้งให้ร้อนขึ้นเล็กน้อยในไมโครเวฟ จากนั้นทำความสะอาดผิวหน้าและใช้ผ้าขนหนูซับให้แห้ง ใช้นิ้วมือหรือแปรงที่มีขนอ่อนนุ่มทาน้ำผึ้งอุ่น ๆ (ไม่ใช่ร้อน) ลงบนใบหน้า ปล่อยทิ้งไว้สิบนาทีแล้วล้างออกเบา ๆ ด้วยน้ำอุ่นและซับด้วยผ้าขนหนูนุ่ม ๆ

การพอกหน้าด้วยน้ำผึ้งนี้จะทำให้คุณรู้สึกว่าผิวเนียนนุ่มขึ้นได้ทันทีและการพอกหน้าตำรับนี้คุณยังสามารถทำได้บ่อยตามต้องการ เพราะน้ำผึ้งไม่มีกรดที่รุนแรงต่อผิวหน้า

อาหาร ลดน้ำหนัก ยิ่งกินยิ่งผอม!!!

หนทางแห่งการ ลดน้ำหนัก ที่ดีที่สุดคือการออกกำลังกาย และ การเลือกกินอาหาร ที่ช่วยกระตุ้นระบบการเผาผลาญ และลดความอยาก แล้วอาหารอะไรบ้างที่จะช่วยให้คุณผอมลงได้


พริก ผลการวิจัยในประเทศญี่ปุ่นพบว่า สารแคปไซซิน (Capsaicin) ในพริกช่วยลดการอยากอาหารได้

ถั่วเปลือกแข็ง เช่น วอลนัต อัลมอนด์ แม้ถั่วหนึ่งกำมือจะมีแคลอรีสูงถึง 165 กิโลแคลอรี แต่ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัย Purdue สหรัฐอเมริกา พบว่า การกินถั่วเปลือกแข็งช่วยกระตุ้นร่างกายให้เผาผลาญดีขึ้นอีก 11 เปอร์เซ็นต์และ
ลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจได้ด้วย
เต้าหู้ ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยหลุยส์เซียนา สหรัฐอเมริกา พบว่า การกินเต้าหู้ 1 ช้อนโต๊ะ ก่อนกินอาหาร ช่วยลดความอยากอาหารได้ 42 เปอร์เซ็นต์

น้ำส้มสายชูวินิการ์ ผลการวิจัยจากประเทศสวีเดนพบว่า หากกินน้ำส้มสายชูวินิการ์พร้อมมื้ออาหาร กรดอะซิติกในน้ำส้มสายชูจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง จึงอิ่มนานขึ้น

ลูกแพร์ นอกจากจะมีไฟเบอร์สูงแล้ว ผลการวิจัยในบราซิลยังพบว่า ผู้หญิงที่กินลูกแพร์ขนาดเล็กหลังมื้ออาหาร เป็นเวลา 2 เดือน มีน้ำหนักลดลง ½ กิโลกรัม